|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จับตาทุนยุโรป-อเมริกา-ตะวันออกกลาง โยกพอร์ตการลงทุนบุกตลาดอสังหาฯเอเชีย หนีปัญหาสินเชื่อซับไพรม์ในสหรัฐฯ ผู้บริหารแปซิฟิคสตาร์ฯ เดินหน้าดึงเงินอีก 2 กองทุน PSAH และ PS ARROW กว่า 80 ล้านดอลลาร์ฯ ลงทุนโครงการอสังหาในไทย ล่าสุดเตรียมลงทุนบิ๊กโปรเจกต์ในย่านซีบีดี รูปแบบผสมผสาน มูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท เผยหลังจับมือกับค่ายเอพีลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดฯ “RHYTHM รัชดา” มูลค่ากว่า 3,200ล้านบาท ยอดขายอาคารA 80% แล้ว "อนุพงษ์ อัศวโภคิน" เตรียมรุกตลาดคอนโดฯไฮเอ็น หลังที่ดินแนวรถไฟฟ้าแพงขึ้น
นายพริตพอล ซิงห์ กิล ผู้อำนวยการบริษัทแปซิฟิค สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอสังหาริมทรัพย์(ซับไพรม์)ในประเทศสหรัฐฯ ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของกลุ่มนักลงทุนในประเทศยุโรปและอเมริกา รวมถึงกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ทำให้ปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่โยกย้ายฐานการลงทุนเข้ามาในกลุ่มประเทศเอเชียมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอัตราการเติบโตของกลุ่มประเทศเอเชียมีศักยภาพสูง เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอเมริกา และยุโรป
โดยเฉพาะในประเทศจีน และอินเดีย ที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมาก นอกจากนี้กลุ่มประเทศต่างๆ ในโซนเอเชียนั้น ส่วนใหญ่ยังเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ดังนั้นโอกาสในการเติบโต หรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศยังมีอีกมาก ทำให้กลุ่มประเทศเอเชียเป็นเป้าหมายและเป็นตลาดที่เหมาะสมต่อการลงทุนมากกว่าในยุโรป และอเมริกาที่ชัดเจน
“การลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนานั้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในกลุ่มประเทศยุโรป และอเมริกาซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว แต่ในทางกลับกันหากการลงทุนนั้นประสบความสำเร็จก็จะให้ผลตอบแทนที่สูงคุ้มค่ามากกว่าการลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้ว”
จากแนวโน้มการย้ายฐานการลงทุนของกระแสเงินทุนในกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกา และประเทศตะวันออกกลางในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่ามีการไหลเข้ามาของปริมาณเงินลงทุนในกลุ่มประเทเอเชียเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น บริษัทแปซิฟิค สตาร์ฯ ซึ่งให้ความสำคัญด้านการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ได้เตรียมแผนจะระดมเงินในกองทุนที่บริหารอยู่ เข้ามาลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชียมากขึ้น
ล่าสุด บริษัทฯ ได้เตรียมนำเงินจากกองทุน PSAH จำนวน 40 ล้านดอลลาร์ฯ เข้ามาลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯในไทยเพิ่ม โดยเป็นการพัฒนาโครงการใหม่ รูปแบบผสมผสานระหว่างโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม และโครงการเพื่อปล่อยเช่า มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท สำหรับโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ(CBD)
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเตรียมนำเงินจากกองทุน PS ARROW ซึ่งมีจำนวนเงินเพื่อการลงทุนรวม200ล้านดอลลาร์ เข้ามาลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชีย โดยมีเป้าหมายใน 3ประเทศคือ เวียดนาม เขมร และไทย ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้น ได้จัดเตรียมวงเงินในการเข้ามาลงทุนแล้ว 40 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งจะส่งผลให้ บริษัทนำเงินจากกองทุนที่มีอยู่ในมือ 5 กองทุน เข้ามาลงทุนในประเทศไทยทั้งหมด 4 กองทุน โดยในส่วนกองทุนที่ไม่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยคือ กองทุน BAITAK ปัจจุบันไปลงทุนในประเทศมาเลเซียในโครงการ KL โพลวิเลียน
ก่อนหน้านี้ บริษัทแปซิฟิค สตาร์ฯได้นำเงินจากกองทุน AREPDF เข้ามาลงทุนร่วมกับบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) แล้ว 2 โครงการ และกองทุน AREIF เข้ามาลงทุน ใน 2โครงการ ประกอบด้วยโครงการ เอท ทองหล่อ และโครงการสาธรการ์เด้นท์
แนวโน้มคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าแพงขึ้น
ด้านนายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ฯ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาแนวโน้มการเปิดตัวโครงการคอนโดฯในย่านแนวรถไฟฟ้านั้นมีจำนวนลดลง เนื่องจากที่ดินดิบในแนวรถไฟฟ้ามีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาที่ดินซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการปรับตัวของต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถพัฒนาโครงการขายในราคาเดิมได้
ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อการปรับขึ้นของราคาขายคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าในอนาคต คาดว่าในระยะเวลา1ปีจากนี้ โครงการแนวรถไฟฟ้าในย่านรัชดา จะมีราคาขายสูงขึ้นแตะระดับ 1แสนบาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) จากราคาขายเฉลี่ยในปัจจุบัน 80,000-90,000 บาทต่อตร.ม. ในขณะเดียวกันนโยบายการพัฒนาโครงการคอนโดฯของบริษัทฯ ยังคงยึดทำเลแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก ดังนั้นสินค้าที่จะผลิตออกมาจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน(ไฮเอ็น)เพิ่มมากขึ้น
“ในช่วงที่ผ่านมา โครงการที่เกิดใหม่ในย่านแนวรถไฟฟ้านั้น ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าออกไป เนื่องจากราคาที่ดินที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้านั้นมีราคาแพง ส่วนโครงการที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้านั้น ส่วนใหญ่จะพัฒนาโครงการไฮเอ็น หรือโครงการที่มีราคาขายสูงขึ้น”
ล่าสุด บริษัทเอเชี่ยนฯ ได้ร่วมกับ บริษัทแปซิฟิค สตาร์ฯ เปิดตัวโครงการคอนโดฯ “RHYTHM รัชดา” มีมูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท โดยได้เปิดขายอาคาร A ไปในช่วงที่ผ่านมา สามารถปิดการขายได้ 80 % จากจำนวนยูนิตที่เปิดขายเพียง 396 ยูนิต ส่วนอาคาร B จำนวน 485 ยูนิต เตรียมเปิดขายในวันที่ 23-24 ส.ค.นี้
|
|
|
|
|