|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแข่งดุ “แอลจี” ฉีกทำตลาดภูธร สานต่อกลยุทธ์การขายใหม่ ให้ความสำคัญกับการขายในแต่ละภูมิภาค ชู “สตาร์ซ ดีลเลอร์” 28 แห่ง ต่อยอดร้านดีลเลอร์เดิมที่มีอยู่ ลุยขายสินค้ากลุ่มเอชเอ ระดับพรีเมี่ยม มองมาร์จิ้นสูง เลี่ยงแข่งขันด้านราคา พร้อมดันภาพลักษณ์สู่พรีเมี่ยมแบรนด์ มั่นใจสิ้นปีสินค้ากลุ่มเอชเอ ขยับอีก 18% หรือกว่า 3,500 ล้านบาท
นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้คาดว่าจะโตได้เพียง 3% หรือโตเท่ากับปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันทางด้านราคา และการถือครองสินค้าบางตัวที่มีอยู่แล้ว 100% และที่สำคัญมาจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ แม้ว่าครึ่งปีหลังราคาน้ำมันอาจจะดีขึ้น แต่เชื่อว่าตลาดจะกลับมาดีอีกครั้งในปีหน้า
สำหรับแอลจีในปีนี้มองว่า จะมีการเติบโตกว่า 15% คิดเป็นมูลค่ารายได้รวมกว่า 15,000 ล้านบาท (ไม่รวมส่งออก) โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสินค้าภายในบ้านหรือเอชเอ ที่คาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 18% เทียบกับปีก่อน หรือคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งการทำให้สินค้ากลุ่มเอชเอ เติบโตตามเป้า จะมาจากการปรับกลยุทธ์ด้านการขายแบบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ ด้วยการแต่งตั้งร้านค้าแทนจำหน่าย 28 แห่งจากที่มีอยู่ 400 แห่งทั่วประเทศ ตั้งให้เป็น “Starz Dealer” หรือ สตาร์ซ ดีลเลอร์ ในการที่จะมาเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับสินค้ากลุ่มเอชเอระดับพรีเมี่ยมของแอลจี
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมกาสรผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สตาร์ซ ดีลเลอร์ ทั้ง 28 รายนี้ เปรียบเหมือนพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ทางบริษัทฯจะดึงมาใช้ในส่วนของกลยุทธ์การขายและการจัดจำหน่าย ในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์ ที่ทางบริษัทฯวางให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากลุ่มเอชเอระดับพรีเมี่ยม หลังจากนี้ ซึ่งทางร้านเหล่านี้ยังคงสามารถจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆได้ต่อไป แต่สัดส่วนสินค้าของแอลจีจะอยู่ที่ 30% ของจำนวนแบรนด์สินค้าที่วางขายในร้าน ภายใต้งบการตลาดกว่า 25 ล้านบาทที่นำมาใช้กับโปรแกรม สตาร์ซ ดีลเลอร์นี้
โดยสินค้าใหม่ที่วางตลาดในครึ่งปีหลังนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นพรีเมี่ยมโปรดักส์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องซักผ้าจำนวนกว่า 10 รุ่น, ตู้เย็นไซด์บายไซด์ 3 รุ่น เครื่องซักผ้าฝาหน้า 4-5 รุ่น ขณะที่ไมโครเวฟและเครื่องดูดฝุ่นยังไม่แผนจะออกใหม่ หลังจากที่เปิดตัวไปบ้างแล้วในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
“กลยุทธ์ สตาร์ซ ดีลเลอร์ จะเริ่มหลังจากนี้ คาดว่าสิ้นปีน่าจะวัดผลได้ว่าจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามมองว่ากลยุทธ์ดังกล่าว ถือว่ามาถูกทางแล้วในภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เกิดขึ้น การที่บริษัทฯพยายามมุ่งมาจำหน่ายสินค้าระดับพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าในภาพรวมจะส่งผลต่อรายได้ที่สูงขึ้น เนื่องจากสินค้าพรีเมี่ยมโปรดักส์จะมีมาร์จิ้นสูงกว่าสินค้าระดับแมสทั่วไป ส่วนการรุกในระดับภูมิภาค เพราะมองว่ายังมีช่องว่างในการทำตลาดอยู่สูง ขณะเดียวกันยังเป็นการหลีกหลีการแข่งขันทางด้านราคาอีกทางหนึ่งด้วย ที่สำคัญยังเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะช่วยผลักดันในเรื่องของการสร้างแบรนด์แอลจีสู่ระดับพรีเมี่ยม ตามที่โกลบอลคาดหวังไว้ ซึ่งกลยุทธ์การขายระดับภูมิภาคนี้ กำลังถูกนำไปใช้ในระดับอาเซียนด้วย”
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้พัฒนาบุคลากรด้านการขายขึ้นมาเพื่อช่วยร้านดีลเลอร์เหล่านี้ด้วย กับทีม “S.W.A.T Team” จำนวนกว่า 120 คน รวมถึงโปรแกรมการขายต่างๆที่ดีลเลอร์สามารถช่วยกันคิดให้สอดคล้องกับการทำตลาดในแต่ละภูมิภาคของตน เชื่อว่าจะช่วยให้รายได้กลุ่มเอชเอเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ คือ
เครื่องซักผ้า จะมีส่วนแบ่งทางการตลาด 20% ครองอันดับหนึ่งในสิ้นปีนี้ ส่วนตู้เย็น ไซด์บายไซด์ คาดว่าจะมีแชร์ 30% ในสิ้นปีนี้ ไมโครเวฟและเครื่องดูดฝุ่น จะมีส่วนแบ่ง 25% และ 15% ตามลำดับในสิ้นปีนี้เช่นกัน
|
|
|
|
|