หลายคนคงคิดว่า ถ้าอยากสารภาพบาปที่ทำไว้ ก็คงจะต้องเข้าไปหลวงพ่อในโบสถ์สักแห่ง
แต่ในโลกของไซเบอร์สเปซ แม้แต่เรื่องของการสารภาพบาปทำได้เพียงแค่ลัดปลายนิ้ว
และ e-confessor.com ก็คือสถานที่แห่งนั้น
เว็บไซต์นี้เกิดขึ้นมาจากไอเดียของ ชาญณรงค์ ตั้งสกุลกระจ่าง อดีต Art director
ที่ต้องการหันมาเอาดีกับการเป็นเถ้าแก่ดอทคอม
"ทุกคนเคยทำผิด ผมก็เคยทำ ซึ่งเราเองก็อยากรู้ว่าใครทำผิดอะไรมาบ้าง เว็บไซต์นี้จะเป็นสถานที่ให้เขา
post ข้อมูลว่าเขาเคยทำผิดอะไรมาบ้าง เหมือนกับการเป็นที่ระบายความรู้สึก"
ชาญณรงค์กล่าวถึง concept ของเว็บนี้
ชาญณรงค์จัดวางรูปแบบของเว็บไซต์ออกเป็นหัวข้อตามประเภทของความผิด คือ sexual
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความผิดทางเพศ injustice หรือความเป็นธรรม
unfaithful ความไม่ซื่อสัตย์ และ unintegrity เป็นเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ในเชิงธุรกิจ
แต่ก่อนจะเข้ามา post ข้อมูล เพื่อสารภาพบาปได้ จะต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน
โดยจะต้องให้ข้อมูลชื่อนามสกุล อายุ เพศ และชื่อ pass- word เป็นเงื่อนไข
4 อย่าง
หลังจากสมัครเป็นสมาชิกแล้ว เขาจึงเลือกหัวข้อตาม ที่ต้องการ ซึ่งการ post
ข้อมูลนั้น ให้ทำได้ทั้ง ที่เป็น ข้อความ รูปภาพ และเสียง และจะต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
เนื่องจากเขากลัวปัญหาในเรื่องของการใช้ข้อความไม่เหมาะสม และในอนาคตจะมีหลายภาษา
คือ จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน เพื่อขยายกลุ่มผู้ใช้งานให้มากขึ้น
หลังจากคำสารภาพบาปถูก post ออกไปแล้ว ผู้ที่มา post ข้อมูลต้องห้ามใส่เบอร์อีเมลของตัวเอง
ยกเว้นมีผู้ที่มาอ่านข้อความของเขาแล้ว เกิด ความสนใจจะต้องฝากเบอร์อีเมลเอาไว้
เพื่อให้เจ้าของคำสารภาพบาปติดต่อกลับไปเอง
จะว่าไปแล้วเว็บไซต์ในลักษณะนี้ เจ้าของ web ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวเรื่องการทำ
content เพราะเนื้อหาจะมาจากผู้ที่เข้ามาสารภาพบาป
แต่สิ่งที่เขาต้องกังวลมากกว่านั้น ก็คือ เนื้อหา ที่เป็นไปในทางล่อแหลม
และเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบทางสังคม เช่นเมื่อไม่นานมานี้ มีคนที่เข้าไป
post ข้อมูลว่า เขาเพิ่งจะข่มขืนคนรับใช้มา จนกลายเป็นเรื่องเป็นราว แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องล้อเล่นไป
การรับมือเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ ชาญณรงค์บอกว่า การให้ใช้ภาษาอังกฤษแต่เพียงอย่างเดียว
ก็เป็นทางออกอย่างหนึ่ง รวมถึงการที่จะต้องมีการตรวจเนื้อหา ที่ post เข้ามาด้วย
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา หรือเกิดเหตุการณ์ ที่ไม่คาดฝัน แผนของชาญณรงค์ ก็คือ
การ link ไป ยังเว็บไซต์ ที่ให้คำปรึกษาอีกครั้งหนึ่ง
ประสบการณ์จากงานด้านโฆษณา ทำให้ชาญณรงค์แตกต่างไปจากผู้ริเริ่มทำเว็บไซต์รายอื่นๆ
ที่บางรายเกิดจากประสบการณ์ในเรื่องของคอมพิวเตอร์ แต่มาจากไอเดีย
"ธุรกิจอินเทอร์เน็ต เป็นเรื่องของไอเดีย ถ้าเราไม่สามารถทำให้เกิดบริการ
หรือพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ เราก็ควรมี concept ใหม่ๆ ให้กับเว็บไซต์"
เขาใช้เงินทุน 30,000 บาทในการพัฒนาเว็บไซต์ และทีมงาน 4 คนที่เขาหาในเว็บหางาน
เขาไม่มีเงินเดือนให้มาก แต่เป็นความหวังในอนาคต และใช้ซอฟต์แวร์ลีนุกส์เป็นซอฟต์แวร์ปฏิบัติการในการทำดาต้าเบส
e-confessor.com เป็นเพียงใบเบิกทางแรกในธุรกิจดอทคอมนี้เท่านั้น ความตั้งใจแรกของเขาคือ
เว็บไซต์สำหรับผู้ผลิตสินค้าหัตถกรรม onlycraft.com ที่เกิดมาจากความชอบบวกกับตัวเลขการส่งออกสินค้าหัตถกรรมของไทย
1.8 พันล้านบาท
เขามีความเชื่ออย่างยิ่งว่า การที่เว็บไซต์มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เน้นความสวยงามของรูปภาพสินค้า
ใช้เทคนิค ที่เรียกว่า "ควิกไทม์" ทำให้การนำเสนอสินค้าเคลื่อนไหวทุกมุม
ราคา ที่ไม่แพงจะเป็นจุดขาย ที่ทำให้เว็บไซต์แข่งขัน กับเว็บไซต์ในลักษณะเดียวกันนี้ได้
เป็นโปรเจกต์ ที่เขานำ business plan ไปเสนอ venture capital ในงาน angle
night ที่โรงแรมสุโขทัย จัดโดย บริษัทคอนเฟอร์รี่ สิงคโปร์ ที่เป็นการ พบปะระหว่าง
venture capital และ Idea man คือ ผู้ที่มีไอเดียแต่ขาดเงินทุน
แต่ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่จาก vc ถึง 2 รายที่ให้ความสนใจเป็นการส่วนตัว
อยากจะควักเงินสนับสนุนในโครงการของเขา แต่ไม่ใช่เว็บไซต์ only craft.com
แต่กลับเป็นเว็บไซต์สารภาพบาป e-confessor. com
การเปิดตัวด้วยเว็บไซต์สารภาพบาป ชาญณรงค์หวังว่า จะเป็นใบเบิกทาง ที่จะสร้างชื่อให้บริษัท
do wish บริษัทที่ปรึกษาในเรื่องการทำเว็บไซต์ "แต่ก่อนอื่นเราต้องมี concept
ให้เห็นก่อน เว็บไซต์สารภาพบาป จะเป็นตัวสะท้อน concept ในงาน ที่ปรึกษา
ที่จะเป็นตัวทำรายได้"
แรงบันดาลใจของอดีตพนักงานบริษัทเอเยนซีโฆษณาคนนี้ มาจากการที่ครอบครัวเกิดประสบปัญหาด้านธุรกิจ
สูญเสียเงินไป 35 ล้านบาท จากการถูกโกง ทำให้เขาต้องหันเหจากชีวิตลูกจ้างออกมาเป็นเถ้าแก่
"ช่วงนั้น ผมทำงานอยู่ ที่ ดีวายอาร์ ช่วงหลังเห็นแนวโน้มของอินเทอร์เน็ต
แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรยังไง เจ้านายเขาก็ให้ผมมานั่งศึกษาอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว
7 เดือนเต็มที่ ผมนั่งโดยไม่ต้องทำอย่างอื่น พอดีกับมาเจอในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี
ผมก็เลยลาออกมารับงานส่วนตัว"
สิ่งที่เขาค้นพบต่อมาก็คือ โลกของธุรกิจดอทคอม ที่เขาเชื่อว่าจะนำเอาประสบการณ์มา
"เมื่อไม่สามารถสู้กับบริษัทเอเยนซีขนาดใหญ่ในสื่ออย่างโทรทัศน์ แต่ไม่ใช่บนอินเทอร์เน็ต
ที่ไม่ได้ต้องการความใหญ่ แต่ต้องการไอเดีย"
สำหรับชาญณรงค์แล้ว เขาเชื่อภาษิตฝรั่ง ที่ว่า "ถ้าคุณพลาดอย่างน้อย คุณยังอยู่ข้างบน
คุณจะไม่อยู่กับ ที่"