Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์11 สิงหาคม 2551
ซัมซุง ชู 4 กลยุทธ์ ปั้นยอดสินค้าไฮเอนด์             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคทรอนิคส์ จำกัด

   
search resources

ไทยซัมซุง อิเลคทรอนิคส์, บจก.
Electric




ซัมซุง เสริมไลน์ผลิตสินค้าไฮเอนด์ในเมืองไทย หวังลดต้นทุน ดัมป์ราคาขาย ปะทะคู่แข่งตลาดบน พร้อมตีกันสินค้าราคาถูก วางหมาก 4 กลยุทธ์สู่หลักชัย เดินหน้าซอยเซกเมนต์ ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อม Shift Demand ลูกค้าเก่า งัดกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์สนองทุกไลฟ์สไตล์เป็นใบเบิกทาง

หลังจากซัมซุงปรับกลยุทธ์จากการใช้สงครามราคาเป็นตัวสร้างตลาดในยุคเริ่มต้น เปลี่ยนมาสู่การเป็นพรีเมียมแบรนด์โดยใช้ดีไซน์และเทคโนโลยีเป็นตัวนำตลาด ทว่าที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ที่ซัมซุงจำหน่ายในเมืองไทยล้วนแต่นำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้มีต้นทุนที่แพง จึงไม่สามารถใช้ราคาเป็นตัวจูงใจผู้บริโภคได้โดยเฉพาะในสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ผู้บริโภคเริ่มชะลอการใช้จ่ายสินค้าที่มีความจำเป็นน้อย

ดังนั้นซัมซุงจึงต้องพยายามแสวงหาวิธีที่จะทำให้สินค้ามีต้นทุนต่ำลงเพื่อรุกตลาดให้มากขึ้น โดยซัมซุงมีการนำผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์เข้ามาผลิตในเมืองไทย เช่น แฟลต พาแนล ทีวี, ระบบเตาอบในครัวขนาดใหญ่, ตู้เย็นขนาด 400 ลิตรขึ้นไป, เครื่องซักผ้า 13 กิโลกรัม และเครื่องซักผ้าฝาหน้า พร้อมวางเป้าที่จะขยายสัดส่วนยอดขายสินค้าที่เป็นไฮเอนด์ให้สูงขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 40% โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถขยายสัดส่วนดังกล่าวได้ปีละ 10%

ทั้งนี้ในการรุกตลาดไฮเอนด์ของซัมซุง แนวทางหนึ่งคือการแย่งชิงฐานลูกค้าจากคู่แข่ง ซึ่งค่อนข้างยากเนื่องจากลูกค้าไฮเอนด์ที่เป็นผู้ใหญ่จะผูกพันกับแบรนด์เดิมจนยากที่จำทำให้เกิดการสวิตชิ่งแบรนด์ โดยเฉพาะกลยุทธ์ราคาถือว่ามีผลน้อยมากในตลาดไฮเอนด์ ทว่าหากเป็นตลาดไฮเอนด์ในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ยุค Smart Age ที่คำนึงความเหมาะสมระหว่างคุณสมบัติของสินค้าและราคาควบคู่กัน ถือได้ว่าเป็นตลาดไฮเอนด์ที่ซัมซุงสามารถรุกเข้าไปได้ด้วยกลยุทธ์ราคา เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่ยึดติดแบรนด์ แต่สินค้าต้องสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้

นอกจากการรุกกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในตลาดไฮเอนด์เดิมอยู่แล้ว การพัฒนาสินค้าไฮเอนด์ให้มีราคาถูกลงยังส่งผลให้ซัมซุงสามารถสร้างตลาดไฮเอนด์กลุ่มใหม่ได้ด้วยการ Shift Demand ผู้บริโภคที่เป็นฐานลูกค้าซัมซุงอยู่แล้วให้ขยับขึ้นไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ

ซัมซุงวาง 4 กลยุทธ์หลักในการรุกตลาดครึ่งปีหลัง ซึ่งประกอบด้วย การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นทั้งเทคโนโลยีและการออกแบบ, การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง, การสร้างศูนย์กลางในการควบรวมช่องทางจำหน่ายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค เช่น คอลเซ็นเตอร์เบอร์เดียวบริการครบทุกผลิตภัณฑ์ของซัมซุง หรือการที่ร้านค้าตัวแทนแต่ละร้านมีผลิตภัณฑ์ที่ครบทุกไลน์ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปซื้อสินค้าจากหลายๆร้าน, การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานในการกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ระบบซัปพลายเชนที่มีประสิทธิภาพจะทำให้บริษัทสามารถบริหารสินค้าและจัดทำโปรโมชั่นได้ดีขึ้น

สำหรับไฮไลต์สินค้าที่ซัมซุงจะทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังได้แก่ จิออร์จิโอ อาร์มานี-ซัมซุง แอลซีดีทีวี, เครื่องซักผ้าระบบไดมอนด์ ดรัม ทั้งนี้นอกจากจะขยายตลาดโฮมยูสแล้ว ซัมซุงยังขยายตลาดลูกค้าองค์กรมากขึ้น เช่น การลอนช์ผลิตภัณฑ์ระบบเครื่องพิมพ์ เคาน์ทรู ที่ช่วยลดต้นทุน ประหยัดหมึกพิมพ์สูงสุด 40% และยังมี แอลซีดีมอนิเตอร์ T ซีรี่ส์ ที่นอกจากประหยัดพลังงาน 40% แล้ว ยังสามารถนำมอนิเตอร์มาต่อเป็นจอใหญ่ได้สูงถึง 20 จอ

นอกจากนี้ซัมซุงยังมีการซอยเซกเมนต์โดยใช้กลยุทธ์ STP (Segment, Target, Positioning) ในการรุกตลาดพรีเมียม โดยชูความเป็น Total Solution Provider เพื่อตอบสนองทุกความต้องการในครอบครัว และเป็นการเพิ่ม Household Share หรือการทำให้แต่ละครัวเรือนใช้สินค้าของซัมซุงมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการทำโปรโมชั่นที่ใช้ชื่อว่า 11 Days Special เพื่อจูงใจให้ลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์ซัมซุงอยู่แล้ว ได้ลองใช้สินค้าในกลุ่มอื่นๆด้วย โดยลูกค้าที่ซื้อสินค้าข้ามกลุ่มจะได้ส่วนลดตามเงื่อนไข ซึ่งสินค้าของซัมซุงจะแบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ เอวี เอชเอ ไอที มือถือ

ทว่าการจะอาศัยฐานลูกค้าที่มีอยู่ให้เพิ่มปริมาณการใช้สินค้าของซัมซุงดูจะไม่เพียงพอ ดังนั้นซัมซุงจึงต้องผนึกพันธมิตรเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ STP โดยปีที่ผ่านมามีการทำแคมเปญ มิกแอนด์แมตช์ แสวงหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ การขยายฐานลูกค้าไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆซึ่งจะทำให้ซัมซุงสามารถสร้างยอดขายในปริมาณที่มากขึ้น อย่างเช่นการร่วมกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการขายสินค้าซัมซุงผ่านโครงการ การร่วมมือกับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในการทำ Total Solution Provider แบบครบวงจรโดยมีการออกแบบห้องต่างๆพร้อมทั้งเครื่องไฟฟ้าซัมซุงและเฟอร์นิเจอร์ในห้อง เช่น Bed Room Solution, Kitchen Solution, Living Room Solution ซึ่งแต่ละห้องจะมีการดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ของซัมซุงโดยมีทั้งหมวดภาพและเสียงและเครื่องไฟฟ้าในครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีตลาดสถาบันการเงินโดยซัมซุงจะมีการทำไฟแนนเชียลแพกเกจให้กับลูกค้าของธนาคาร หรือการทำโปรโมชั่นพิเศษร่วมกับร้านเวดดิ้ง ตลอดจนการให้ส่วนลดพิเศษแก่ข้าราชการทหาร

ในการรุกตลาดไฮเอนด์ด้วยการย้ายฐานการผลิตสินค้าไฮเอนด์ของซัมซุงมาสู่ประเทศไทยนอกจากจะใช้เป็นฮับในการส่งออกไปสู่ภูมิภาคต่างๆในเอเชียแล้วยังทำให้สินค้าไฮเอนด์ของซัมซุงมีราคาถูกลง ซึ่งนอกจากจะสะเทือนไปถึงแบรนด์ที่ทำตลาดไฮเอนด์อยู่แล้ว ยังทำให้แอลจี และไฮเออร์ ที่เดินตามรอยซัมซุงด้วยการก้าวสู่การเป็นพรีเมียมแบรนด์ต้องทำการบ้านหนักขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์ก้าวสู่การเป็นพรีเมียมแบรนด์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ดังนั้นราคาสินค้าระดับไฮเอนด์ก็มิได้ถูกกว่าคู่แข่ง แต่ชื่อชั้นยังถือว่าเป็นรองซัมซุง

ซัมซุงตั้งเป้าว่าจะสามารถปิดยอดขายในปีนี้ได้ 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ปิดได้ 16,000 ล้านบาท โดยหลังการย้ายฐานการผลิตสินค้ไฮเอนด์มาสู่ประเทศไทย ซัมซุงคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายเป็น 33,000 ล้านบาท ในปีหน้า และจะเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาทในปีถัดไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us