Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 สิงหาคม 2551
กลุ่มปตท.4บริษัทกำไรรวม5.4หมื่นล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปตท., บมจ.
อดิเทพ พิศาลบุตร์
Oil and gas




เครือปตท. 4 แห่ง โชว์ผลงานงวดครึ่งปีแรก ฟันกำไรสุทธิรวม 5.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 1.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 35% "ปตท.สผ." นำโด่งกำไรสุทธิรวม 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% ขณะที่ "ไออาร์พีซี" รายเดียวที่กำไรสุทธิ 6.7 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 12%

ตลอดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2551 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มพลังงานกลับได้รับอานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าว โดยเฉพาะบริษัทในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่ล้วนแล้วแต่ได้รับผลดีและมีผลประกอบการครึ่งปีแรกปรับตัวดีขึ้น

ผู้จัดการรายวัน ได้สำรวจผลประกอบการของกลุ่มบมจ. ปตท. ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศรวม 4 ราย จากจำนวนทั้งหมด 7 ราย ประกอบด้วย บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ.ปตท.เคมีคอล (PTTCH) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) พบว่า บริษัทส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น คือมีกำไรสุทธิรวม 54,070.55 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิ 40,095.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,974.93 ล้าบาท หรือคิดเป็น 34.85% (ตารางประกอบข่าว)

หากพิจารณาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทพบว่า PTTEP สามารถทำกำไรสุทธิได้สูงสุดถึง 21,901.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกำไรสุทธิ 13,929.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57.24% ตามด้วย TOP และ PTTCH ที่มีกำไรสุทธิ 14,419.56 ล้านบาท และ 10,995.47 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่ IRPC เป็นเพียงบริษัทเดียวที่มีกำไรสุทธิลดลง คือ กำไรสุทธิ 6,753.86 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 7,714.63 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิลดลงกว่า 960.77 ล้านบาท คิดเป็น 12.45%

PTTCH กำไรทะยานกว่า 86%

นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH กล่าวว่า ไตรมาส 2/51 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,280.25 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.53 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,215.07 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.16 บาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกกำไรสุทธิ 10,995.47 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 7.35 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 5,889.60 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.95 บาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5,105.87 ล้านบาท คิดเป็น 86.69%

โดยสาเหตุที่ทำให้ PTTCH มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 50 เป็นผลจากการปรับตัวสูงขึ้นของปริมาณการผลิตและราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น มีสาเหตุหลักมาจากการปิดโรงโอเลฟินส์ I1 เพื่อซ่อมบำรุงเครื่องจักรเป็นเวลา 46 วัน ในไตรมาส 2/50 รวมทั้งบริษัท ไทยโอลีโอเคมี จำกัด (TOL) ได้เริ่มทำการผลิตเชิงพาณิชย์ของหน่วยผลิต Methyl Ester ในเดือนกุมภาพันธ์ 51

ขณะเดียวกันราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ ในไตรมาส 2/51 ได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาแนฟทา ที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก 672 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 1,027 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 53% รวมถึงราคาผลิตภัณฑ์ได้ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดย HDPE ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 1,300 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 1,679 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 29% และ MEG จาก 976 เหรียญสหรัฐต่อตันเป็น 1,257 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 29% ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE-แนฟทา ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 653 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น4% ในขณะที่ส่วนต่างราคา MEG-แนฟทา ปรับตัวลดลงเป็น 230 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือลดลง 24%

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัตถุดิบหลักของบริษัทเป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีราคาผันผวนน้อยกว่าราคาแนฟทา (MOPS) ที่แปรผันตามราคาน้ำมันดิบ ดังนั้นส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบของบริษัทฯ (ก๊าซธรรมชาติ) จึงปรับตัวขึ้นสูงกว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และแนฟทา (MOPS) (ไตรมาส 2/51 บริษัทใช้วัตถุดิบเป็นก๊าซธรรมชาติ 85% ขณะที่ไตรมาส 2/50 ใช้วัตถุดิบเป็นก๊าซธรรมชาติ 70%)

IRPC กำไร 6 เดือนแรกหด 960 ล.

สำหรับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กำไรสุทธิ 5,125.74 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.26 บาท เทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิ 4,957.00 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 025 บาท ขณะที่งวด 6 เดือนกำไรสุทธิ 6,753.86 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.35 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 7,714.63 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.40 บาท หรือกำไรสุทธิลดลง 960.77 ล้านบาท คิดเป็น 12.45%

นางไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานแผนและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กล่าวว่า ไตรมาส 2/51 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่ม 168.74 ล้านบาท หรือ 3.40% โดยมีรายได้จากการขายจำนวน 73,739.53 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ 55,276.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,463.29 ล้านบาท คิดเป็น 33% ขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 16,751.76 ล้านบาท คิดเป็น 33% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นทำให้ราคาขายของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นตาม ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1,711.53 ล้านบาท คิดเป็น 34% โดยบริษัทมีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 183,115 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนที่ 189,640 บาร์เรลต่อวัน

ไทยออยล์ ครึ่งปีกำไรพุ่ง 15%

ด้านบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กำไรสุทธิ 10,545.59 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.17 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 6,619.38 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.24 บาท ขณะที่งวด 6 เดือนกำไรสุทธิ 14,419.56 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 7.07 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 12,562.19 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 6.16 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,857.37 ล้านบาท คิดเป็น 14.79%

นายสมเกียรติ หัตถโกศล รองกรรมการอำนวยการ-ด้านธุรกิจ รักษาการกรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กล่าวว่า ไตรมาส 2/51 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 126,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 54,883 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นภายหลังการขยายกำลังการผลิตของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วยที่ 3 และโรงงานผลิตสารพาราไซลีนที่แล้วเสร็จในไตรมาส 4/50 และไตรมาส 2/51 ตามลำดับ รวมถึงผลจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันคงเหลือเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้บริษัทมี EBITDA จำนวน 17,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,644 ล้านบาท แต่จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในไตรมาสนี้ 2.04 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จาก 31.62 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 1/51 มาปิดที่ 33.66 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 2/51 ทำให้มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1,431 ล้านบาท จากปีก่อนกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 446 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรก ปี 51 บริษัทมีรายได้จากการขาย 223,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 86,768 ล้านบาท จากการขยายการผลิตของกลุ่มและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยมี EBITDA จำนวน 23,058 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,078 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us