ธอส. เร่งจัดการหนี้เอ็นพีแอลมูลค่า 5.6 หมื่นล้านบาท เตรียมประชุมคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินที่จะมาพิจารณาข้อเสนอของบริษัทที่จะประมูลภายในวันที่
11 กรกฎาคมนี้ ขณะเดียวกันเล็งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเพื่อแข่งขันกับแบงก์พาณิชย์
พร้อมตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้เพิ่มเป็น 6 หมื่นล้าน จากเดิม ตั้งเป้าไว้เพียง 4.4
หมื่นล้าน
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึง
ความคืบหน้าการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ว่า ภายในวันที่
11 กรกฎาคมนี้ ธอส.จะมีการประชุมเพื่อคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อมาพิจารณาข้อเสนอของบริษัทที่สนใจจะเข้ามาประมูลซื้อหนี้ของ
ธอส. ซึ่งมีทั้งบริษัทจากต่างประเทศและในประเทศ โดยการพิจารณาจะต้องดูถึงประสบการณ์และทีมงานของบริษัทเหล่านั้น
สำหรับหนี้เอ็นพีแอลที่จะขายในครั้งนี้ ธอส.จะรวมหนี้ดีเข้าไปด้วย จากเดิมจะขายเพียงหนี้เสียที่มีอยู่
46,000 ล้านบาท เมื่อรวมหนี้ดีเข้าไปด้วยอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท รวมเป็นหนี้ที่ต้องขายทั้งหมดประมาณ
56,000 ล้านบาท ส่วนการขายหนี้ออกไปแล้วจะทำให้สินทรัพย์ของ ธอส. ลดลงหรือไม่นั้น
จะต้องดูที่กระบวนการขายเสียก่อน
นายขรรค์ กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธอส. ว่า ขณะนี้ธอส. อยู่ระหว่างการพิจารณาจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทคงที่
3 ปี เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งเชื่อว่าดอกเบี้ยคงที่ในปีแรกจะปรับลดต่ำลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ
3 อย่างแน่นอน แต่เมื่อเฉลี่ยทั้ง 3 ปีแล้วจะปรับลดลงเท่าใด คงต้องพิจารณาในรายละเอียดให้รอบคอบ
ก่อน
"การปรับลดดอกเบี้ยของธอส.จะต้องคิด ให้รอบคอบ เพราะปัจจุบันธอส.ยังมีต้นทุนใน
เรื่องของพันธบัตรประเภทต่างๆ ที่มีจำนวนมากถึง 6-7 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ร้อยละ
8 และจะทยอยหมดอายุในปี 2550"
ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทคงที่ 3 ปี อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.2 ในปีแรกร้อยละ
4.25 ในปีที่ 2 และร้อยละ 5.25 ในปีที่ 3 และก่อนหน้านี้ ธอส. ได้ปรับลดดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยไปแล้ว
ในระดับร้อยละ 0.50 เหลือเพียงร้อยละ 6.25 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา
"ธอส.จะต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อ แข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ โดยเฉพาะธนาคารออมสินที่ปัจจุบันมีอัตราดอกเบี้ยคงที่
4 ปี โดยปีแรกและปีที่ 2 อยู่ที่ระดับร้อยละ 3 ปีที่ 3 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4 และปีที่
4 อยู่ที่ระดับร้อยละ 5 เท่านั้น"
นายขรรค์ กล่าวต่อว่า ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ เชื่อมั่นว่าธนาคารพาณิชย์จะใช้กลยุทธ์ดอกเบี้ยต่ำ
สำหรับอัตราดอกเบี้ยคงที่ในปีแรกเป็นจำนวนมากเพื่อเร่งขยายสินเชื่อ ซึ่งเชื่อว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ
2-2.5 เนื่องจากไม่สามารถปล่อยสินเชื่อ ให้กับอุตสาหกรรมหรือภาคธุรกิจอื่นได้ ขณะที่มีสภาพคล่องอยู่เป็นจำนวนมากจึงต้องลงมาเล่นในตลาดรายย่อยโดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กันมากขึ้น
และเชื่อว่าสินเชื่อใหม่สำหรับอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะสูงถึง 200,000 ล้านบาท
จากเดิมที่คาดว่าอยู่ในระดับเพียง 130,000 ล้านบาทเท่านั้น
"จากการคาดการณ์สินเชื่อใหม่ที่ขยายตัว เพิ่มขึ้น ทำให้ ธอส.ต้องปรับเป้าหมายการปล่อย
สิน เชื่อของธอส.ใหม่เป็น 60,000 ล้านบาทในปี 2546 จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายเพียง
44,000 ล้านบาท เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ร้อยละ 32 ซึ่ง ทำให้ ธอส.รักษาความเป็นผู้นำของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ได้ต่อไป"
นายขรรค์ กล่าวอีกว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย. ) ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วจำนวน
28,000 ล้านบาท และเชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในตลาดที่มีอยู่มาก รวมถึงสถานการณ์การปล่อยสินเชื่อที่รุนแรงจะทำให้
ธอส. ปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย
"ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 6.2 พันล้านบาท
ซึ่งสูงกว่าปกติมากที่ปล่อยได้เดือนละประมาณ 4,500 ล้านบาท เนื่องจากมีสินเชื่อของโครงการบ้าน
ธอส. เพื่อข้าราชการ หรือ ธอส.-กบข. ครั้งที่ 2 และสินเชื่อเพื่อคนไทยที่ ธอส.ปล่อยให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยและอาชีพอิสระในอัตราร้อยละ
110 ของวงเงิน สินเชื่อ ที่ปัจจุบันมีผู้ขอสินเชื่อเข้ามามากถึง 12,000 ล้านบาท
และได้ทำนิติกรรมไปแล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท"