|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
นักลงทุนไม่มั่นใจทีมเศรษฐกิจ หลัง "สมัคร" ปรับครม.ชุดใหม่ เมินลงทุนในตลาดหุ้น ดัชนีรูดต่ออีกเกือบ 4 จุด มูลค่าการซื้อขายบางเฉียบแค่ 5.7 พันล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายต่อเนื่องอีก 789 ล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ ชี้นักลงทุนหวั่นรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งจนส่งผลลบต่อตลาดหุ้น รวมทั้งลุ้นผลการประชุมเฟดวันนี้
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (4 ส.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ แดนลบ ท่ามกลางความเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูความชัดเจนของปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการแต่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และทีมที่ปรึกษาของรัฐบาลยังคงไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้มากนัก จึงได้ชะลอการซื้อขาย และบางส่วนได้มีการขายหุ้นออกมากดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยด้วย
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 679.12 จุด ในช่วงการซื้อขายภาคเช้า ก่อนจะมีแรงขายหุ้นทำกำไรกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และปิดการซื้อขายที่ระดับต่ำสุดที่ 674.67 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 3.99 จุด หรือคิดเป็น 0.59% มูลค่าการซื้อขายรวม 5,784.83 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน (1 ปี 4 เดือน)
โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงทยอยทิ้งหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้ขายออกมาตลอดทั้งเดือน คือมียอดขายสุทธิ 789.66 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 497.98 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 291.68 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคเฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ในทิศทางที่ปรับตัวลดลงจากสถานณ์การเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจน และกังวลในการเกิดความวุ่นวายเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ทำให้นักลงทุนมีการขายหุ้นพื้นฐานออกมาประกอบกับราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มที่จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนประเด็นเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นั้น พบว่า รายชื่อที่ออกมาไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนแต่อย่างใด เพราะเป็นการสลับกระทรวงในการทำงานและเป็นการแบ่งตำแหน่งตามสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่นายวีระพงษ์ รามางกูร ที่เข้ามาเป็นหัวหน้าทีมที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ อาจจะสร้างความเชื่อมั่นได้บ้าง แต่คงไม่มากนัก เพราะไม่มีอำนาจการตัดสินใจเหมือนรัฐมนตรี
นายโกสินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลง หลังจากความกังวลปัญหาเรื่องสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ยังไม่คลี่คลาย และลุกลามสู่ภาคธุรกิจอื่นๆ แม้สหรัฐฯ จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานออกมาที่ติดลบ 5.1 หมื่นตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 7.5 หมื่นตำแหน่ง
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบ การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ ขณะที่ปัจจัยการเมืองยังคงเป็นปัจจัยลบที่กดดันจนกว่าจะมีความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ส่วนการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/51 นั้น จะทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเป็นรายบริษัท แต่นักลงทุนยังคงกังวลในเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3/51 ที่จะต่ำจากได้รับผลกระทบราคาน้ำมันดิบ อัตราเงินเฟ้อที่สูง โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 665-667 จุด แนวต้านที่ระดับ 678-680 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยบวกที่เข้ามากระตุ้น ขณะที่นักลงทุนเองยังกังวลสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะบานปลายขึ้น หลังจากที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดกระแสความขัดแย้งระหว่างฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศจะต้องรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันนี้ แม้หลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่าเฟดคงจะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด
"ตลาดหุ้นค่อนข้างนิ่ง มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เพราะนักลงทุนยังกังวลเรื่องการ รวมทั้งลุ้ผลประชุมเฟด แม้ว่าคงไม่มีอะไรมาก เพราะทุกคนคาดการณ์ไว้แล้วน่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ย"
นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่จะเข้ามาดูแลและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะเป็นเพียงการสลับตำแหน่งความรับผิดชอบเท่านั้น รวมทั้งที่ผ่านมาครม. ชุดดังกล่าวก็ไม่ได้ฝากผลงานที่ดีหรือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้แต่อย่างใด
"ครม.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาดูแลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยังคงเป็นคนหน้าเดิมๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพียงแต่สลับที่นั่งกันเอง ขณะที่ทีมเศรษฐกิจที่มีนายวีระพงษ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองก็ยังมีข้อกังขาถึงเรื่องความโปร่งใส และผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่เช่นกัน"
|
|
 |
|
|