พรีเชียส ชิพปิ้ง มั่นใจรายได้กำไรปี 51 ดีกว่าปีก่อน แม้ไม่มีกำไรจากการขายเรือ เหตุค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง 1.6 หมื่นเหรียญต่อวันต่อลำ จากปี 50 อยู่ที่ 1.3 หมื่นเหรียญต่อวันต่อลำ หลังความต้องการใช้เรือเพิ่มทั้งจากจีน-อินเดีย-ตะวันออกกลาง พร้อมเตรียมชงบอร์ดพิจารณาจ่ายปันผลงวดไตรมาส 2/51 กลางเดือนนี้
นายคาลิด ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL เปิดเผยถึง แผนงานและเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2551 ว่า บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2550 ที่มีรายได้รวม 9,033.04 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4,156.16 ล้านบาท เนื่องจากค่าระวางเรือได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในไตรมาส 2/51 ที่ระดับ 16,511 เหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำ
จากค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ค่าระวางเรือเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 15,990 เหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำ และบริษัทคาดว่าค่าระวางเรือเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ประมาณ 15,000-16,000 เหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำ ซึ่งสูงกว่าปี 2550 ที่มีค่าระวางเรือเฉลี่ยต่อวันต่ำลำที่ 13,147 เหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำ
สำหรับในปีนี้บริษัทได้ทำสัญญาเช่าเรือเฉลี่ยต่อวันที่ระดับ 16,043 เหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำ คิดเป็น 96.01% ของวันที่ได้ทำสัญญาเช่าเรือไปแล้วที่ 15,420 วัน คิดเป็นมูลค่า 247.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี้บริษัทจะยังไม่มีการปลดระวางเรือและมีการขายเรือออกมาจากค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูง เพราะความต้องการใช้เรือในการขนส่งสินค้าโดยเฉพาะในประเทศ จีน อินเดีย และประเทศกำลังพัฒนาในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,248.62 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,968.60 ล้านบาท เพราะครึ่งปีแรกปีนี้บริษัทไม่มีกำไรจากการขายเรือเหมือนกับปีก่อน แต่หากมีการหักกำไรจาการขายเรือออกไปถือว่ามีปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น
"แม้ปีนี้บริษัทจะไม่มีกำไรพิเศษจากการขายเรือเข้ามา แต่รายได้และกำไรของบริษัทก็ยังมีการเติบโตที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา และจำนวนลำเรือของบริษัทน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าปีนี้กำไรบริษัทจะลดลงเมื่อเทียบกับปี2550 จากที่ไม่มีกำไรจากการขายเรือ" นายคาลิด กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการซื้อเรือมือ 2 ของบริษัทนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะตลาดมีความผันผวน และขึ้นอยู่กับโอกาสและราคาเรือที่เหมาะสม โดยเมื่อมีโอกาสบริษัทก็สามารถที่จะซื้อได้ทันที่จากที่บริษัทมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอยู่ที่จำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายคาลิด กล่าวว่า บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในกลางเดือนนี้เพื่อที่จะมีการประชุมพิจารณาในการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/51 ที่มีกำไรสุทธิ 1,238.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 829.84 ล้านบาท จากที่บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาส ซึ่งไตรมาส 1/51 บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลไปแล้วจำนวน 0.50 บาทต่อหุ้น จากที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,009.95 ล้านบาท
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุด วานนี้ (4 ส.ค.) ราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อน โดยปรับขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 19.70 บาท ต่ำสุดที่ 19.50 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.50 บาท คิดเป็น 2.62% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 7.41 ล้านบาท
|