Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์4 สิงหาคม 2551
ลุ้นค่าระวางกำหนดชะตา หุ้นเดินเรือ ปันผลดี-พี/อีต่ำ             
 


   
search resources

โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์, บมจ. - TTA
Transportation




หุ้นเดินเรือพี/อีต่ำ ปันผลน่าสนใจ หรือจะเล่นสั้นก็ยังได้เก็งกำไรผลประกอบการงวดใหม่คาดเติบโตอีก ขณะที่ด้านปัจจัยลบดีมานด์ของกองเรือใหม่ที่ใช้ขนส่งเหล็กล้นกดดันดัชนีค่าระวางเรือ

ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นขาลง ผลจากการเทขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ แวดล้อมด้วยปัจจัยลบรอบด้านทั้งปัญหาซับไพร์มที่เป็นปัจจัยภายนอก บวกกับเงินเฟ้อถีบตัวและสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนสูงซึ่งเป็นปัจจัยภายใน สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรไปจากกับดักอันตราย ดังนั้นหนทางที่ปลอดภัยก็คือถือหุ้นที่มีพื้นฐานดี อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ(พี/อี)ต่ำ และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงน่าพอใจ

สำหรับกลุ่มเดืนเรือมีหุ้น 2 ตัวหลักที่น่าสนใจคือ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA) และ บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง(PSL) โดย TTA มีค่าพี/อีที่ประมาณ 3.5 เท่าและเงินปันผล 4.29% ส่วน PSL มีค่าพี/อีประมาณ 6.5 เท่าและเงินปันผล 11.97%

ดาวดีย์ ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า TTA ยังสามารถซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้ตามค่าระวางเรือ แต่ในระยะยาวแล้วอาจมีปัจจัยเสี่ยงจากค่าระวางเรือที่ผันผวนและปรับลดลงตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค.

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3(เม.ย.-มิ.ย.) ของ TTA คาดว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 2 มีรายได้รวม 7,975 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 2,103ล้านบาท เนื่องจาก TTA ได้ประโยชน์จากสัดส่วนกองเรือที่สามารถอิงค่าระวางตลาดถึง 60% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นระดับประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยประเมินรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ระดับ 28,693 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ได้ 20,587 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7,332 ล้านบาท

ขณะที่ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของ PSL คาดว่าจะมีกำไรปกติอยู่ที่ 1,120 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 65%หลังจากได้ผลประโยชน์จากการกำไรทำสัญญาเช่าระยะยาวที่ค่าระวางสูงขึ้นเป็น 15,700เหรียญต่อวัน และมีสัญญาเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 96% จากจำนวนวันเดินเรือทั้งปี ที่ค่าเช่าเฉลี่ย 16,043 เหรียญต่อวันจากเดิมที่ 15,511 เหรียญต่อวัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าใช้จ่ายในการเดินเรือของ PSL จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 3% จากไตรมาสก่อนเป็น 4,778 เหรียญต่อวัน เพราะค่าใช้จ่ายลูกเรือและซ่อมแซมสูงขึ้น ดังนั้นจึงประเมินจะมีกำไรปกติงวดไตรมาส 2/2551 ที่ 1,120 ล้านบาท (1.08 บาทต่อหุ้น)เพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 3% จากไตรมาสก่อน อัตรากำไรจากการดำเนินงานคาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 56% ประเมินรายได้รวมทั้งปี 8,092 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ได้ 7,441 ล้านบาท และกำไรปกติทั้งปีที่ 4,315 ล้านบาท

ดังนั้นจึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง" สำหรับ TTA เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากอัตราค่าระวางเรือที่ผันผวน ราคาเป้าหมาย 60 บาท แต่ "ถือ" PSL เพราะราคาหุ้นในปัจจุบันห่างจากราคาเป้าหมายที่ 22 บาทไม่มาก แต่การที่ให้อัตราเงินปันผลถึง 11.97% ก็ถือได้ว่ามีความน่าสนใจ

ขณะที่ความเสี่ยงก็อยู่ที่ดัชนีค่าระวางเรือร่วงลงค่อนข้างมากจากที่เคยขึ้นไปจุดสูงสุดของปีที่ 11,793 จุด เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับประมาณ 9พันจุด "การที่ดัชนี BDI ปรับตัวลงแรงและเร็วเพราะค่าระวางตลาดของเรือขนาดใหญ่ (Capesize) ที่ใช้ขนเหล็กเป็นหลักปรับตัวลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อสินแร่เหล็กจากจีน จากทางการจีนมีแผนที่จะลดสต๊อกสินแร่เหล็กลง อีกทั้งปัญหาท่าเรือแออัดในออสเตรเลียและจีนเริ่มบรรเทาลง"

โดยมุมมองระยะสั้นสำหรับกลุ่มขนส่งเรือเทกองแห้งจะเปลี่ยนมาเป็นลบ เพราะความต้องการสินแร่เหล็กจากจีนได้หดตัวรวดเร็วเกินความคาดหมาย จากปกติจะอยู่ที่ช่วงประมาณเดือนส.ค. - ก.ย. ส่วนมุมมองระยะยาวแม้ยังคงเชื่อว่าปริมาณการสั่งต่อเรือที่คาดว่าจะรับมอบเรือในปี 2552 และ 2553 ซึ่งเพิ่มขึ้นคิดเป็น26% ของขนาดบรรทุกของกองเรือทั้งหมดในปัจจุบัน จะถูกชดเชยได้ด้วยปริมาณเรือที่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องถูกปลดระวางคิดเป็น21.6% ของขนาดบรรทุกของกองเรือทั้งหมด

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ควรติดตามในขณะนี้ คือ ภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในอีก 2 ปีข้างหน้าจะยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง พอให้สมดุลกับปริมาณกองเรือที่จะเข้ามาใหม่หรือไม่ หลังจากในตอนนี้สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กำลังเริ่มกระจายไปในหลายภูมิภาค จึงปรับมุมมองระยะยาวในกลุ่มเรือเทกองให้ระมัดระวังมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us