หุ้นเดินเรือพี/อีต่ำ ปันผลน่าสนใจ หรือจะเล่นสั้นก็ยังได้เก็งกำไรผลประกอบการงวดใหม่คาดเติบโตอีก ขณะที่ด้านปัจจัยลบดีมานด์ของกองเรือใหม่ที่ใช้ขนส่งเหล็กล้นกดดันดัชนีค่าระวางเรือ
ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นขาลง ผลจากการเทขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ แวดล้อมด้วยปัจจัยลบรอบด้านทั้งปัญหาซับไพร์มที่เป็นปัจจัยภายนอก บวกกับเงินเฟ้อถีบตัวและสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนสูงซึ่งเป็นปัจจัยภายใน สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรไปจากกับดักอันตราย ดังนั้นหนทางที่ปลอดภัยก็คือถือหุ้นที่มีพื้นฐานดี อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ(พี/อี)ต่ำ และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงน่าพอใจ
สำหรับกลุ่มเดืนเรือมีหุ้น 2 ตัวหลักที่น่าสนใจคือ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA) และ บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง(PSL) โดย TTA มีค่าพี/อีที่ประมาณ 3.5 เท่าและเงินปันผล 4.29% ส่วน PSL มีค่าพี/อีประมาณ 6.5 เท่าและเงินปันผล 11.97%
ดาวดีย์ ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า TTA ยังสามารถซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้ตามค่าระวางเรือ แต่ในระยะยาวแล้วอาจมีปัจจัยเสี่ยงจากค่าระวางเรือที่ผันผวนและปรับลดลงตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค.
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3(เม.ย.-มิ.ย.) ของ TTA คาดว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 2 มีรายได้รวม 7,975 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 2,103ล้านบาท เนื่องจาก TTA ได้ประโยชน์จากสัดส่วนกองเรือที่สามารถอิงค่าระวางตลาดถึง 60% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นระดับประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยประเมินรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ระดับ 28,693 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ได้ 20,587 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7,332 ล้านบาท
ขณะที่ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของ PSL คาดว่าจะมีกำไรปกติอยู่ที่ 1,120 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 65%หลังจากได้ผลประโยชน์จากการกำไรทำสัญญาเช่าระยะยาวที่ค่าระวางสูงขึ้นเป็น 15,700เหรียญต่อวัน และมีสัญญาเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 96% จากจำนวนวันเดินเรือทั้งปี ที่ค่าเช่าเฉลี่ย 16,043 เหรียญต่อวันจากเดิมที่ 15,511 เหรียญต่อวัน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าใช้จ่ายในการเดินเรือของ PSL จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 3% จากไตรมาสก่อนเป็น 4,778 เหรียญต่อวัน เพราะค่าใช้จ่ายลูกเรือและซ่อมแซมสูงขึ้น ดังนั้นจึงประเมินจะมีกำไรปกติงวดไตรมาส 2/2551 ที่ 1,120 ล้านบาท (1.08 บาทต่อหุ้น)เพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 3% จากไตรมาสก่อน อัตรากำไรจากการดำเนินงานคาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 56% ประเมินรายได้รวมทั้งปี 8,092 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ได้ 7,441 ล้านบาท และกำไรปกติทั้งปีที่ 4,315 ล้านบาท
ดังนั้นจึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง" สำหรับ TTA เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากอัตราค่าระวางเรือที่ผันผวน ราคาเป้าหมาย 60 บาท แต่ "ถือ" PSL เพราะราคาหุ้นในปัจจุบันห่างจากราคาเป้าหมายที่ 22 บาทไม่มาก แต่การที่ให้อัตราเงินปันผลถึง 11.97% ก็ถือได้ว่ามีความน่าสนใจ
ขณะที่ความเสี่ยงก็อยู่ที่ดัชนีค่าระวางเรือร่วงลงค่อนข้างมากจากที่เคยขึ้นไปจุดสูงสุดของปีที่ 11,793 จุด เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับประมาณ 9พันจุด "การที่ดัชนี BDI ปรับตัวลงแรงและเร็วเพราะค่าระวางตลาดของเรือขนาดใหญ่ (Capesize) ที่ใช้ขนเหล็กเป็นหลักปรับตัวลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อสินแร่เหล็กจากจีน จากทางการจีนมีแผนที่จะลดสต๊อกสินแร่เหล็กลง อีกทั้งปัญหาท่าเรือแออัดในออสเตรเลียและจีนเริ่มบรรเทาลง"
โดยมุมมองระยะสั้นสำหรับกลุ่มขนส่งเรือเทกองแห้งจะเปลี่ยนมาเป็นลบ เพราะความต้องการสินแร่เหล็กจากจีนได้หดตัวรวดเร็วเกินความคาดหมาย จากปกติจะอยู่ที่ช่วงประมาณเดือนส.ค. - ก.ย. ส่วนมุมมองระยะยาวแม้ยังคงเชื่อว่าปริมาณการสั่งต่อเรือที่คาดว่าจะรับมอบเรือในปี 2552 และ 2553 ซึ่งเพิ่มขึ้นคิดเป็น26% ของขนาดบรรทุกของกองเรือทั้งหมดในปัจจุบัน จะถูกชดเชยได้ด้วยปริมาณเรือที่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องถูกปลดระวางคิดเป็น21.6% ของขนาดบรรทุกของกองเรือทั้งหมด
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ควรติดตามในขณะนี้ คือ ภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในอีก 2 ปีข้างหน้าจะยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง พอให้สมดุลกับปริมาณกองเรือที่จะเข้ามาใหม่หรือไม่ หลังจากในตอนนี้สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กำลังเริ่มกระจายไปในหลายภูมิภาค จึงปรับมุมมองระยะยาวในกลุ่มเรือเทกองให้ระมัดระวังมากขึ้น
|