Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์4 สิงหาคม 2551
ผลวิจัยชี้ตลาดคอนโดเข้ายุคขาลงทาวน์เฮาส์มาแรงรับกำลังซื้อหด             
 


   
search resources

เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
Real Estate
วสันต์ คงจันทร์




ผลวิจัยชี้ชัดอสังหาฯ ปีนี้หมดยุคทองคอนโด ยอดขายหด 44% ทาวน์เฮาส์ยอดขายพุ่งรับกำลังซื้อหดจากเงินเฟ้อ ดีมานด์ปรับตัวหันซื้อซัปพลายต้นทุนเก่า ราคาถูกกว่าซัปพลายใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากค่าก่อสร้างสูงขึ้น

ผลสำรวจภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟรส์พบว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2551 มีอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่รวม 162 โครงการ เป็นที่อยู่อาศัย 154 โครงการ โครงการประเภทอื่นๆ 8 โครงการ มียูนิตขายรวมทั้งหมด 39,335 ยูนิต มูลค่า 105,218 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายมากที่สุด คือ คอนโดมิเนียม 41% รองลงมา คือ บ้านเดี่ยว 28% ทาวน์เฮาส์ 23% ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่ามีโครงการที่เปิดขายในครึ่งปีแรก 154 โครงการ รวม 37,660 ยูนิต ลดลงจากปีที่แล้ว 1% มูลค่าโครงการทั้งหมด 90,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 4.1%

การเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้ลดต่ำลงกว่าปีก่อน แต่จำนวนยูนิตขายต่อโครงการกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจะมีจำนวนยูนิตค่อนข้างมากและมีหลายเฟส ส่วนราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตอยู่ที่ 2.411 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 2.287 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้ที่อยู่อาศัยมีการปรับราคาจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ภาพรวมการพัฒนาอยู่ที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาทเป็นหลัก มีมากถึง 14,380 ยูนิต หรือ 38% รองลงมา คือ 2-3 ล้านบาท 9,244 ยูนิต หรือ 25% ระดับราคา 3-5 ล้านบาทมี 5,284 ยูนิต หรือ 14% ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปมีเพียง 2,580 ยูนิต หรือ 7% แต่มีมูลค่าการพัฒนารวมกันสูงถึง 24% แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเน้นระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มราคา 1-2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพัฒนาคอนโดมิเนียมมากที่สุด รองลงมา คือ ทาวน์เฮาส์ ส่วนการพัฒนาบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่จะพัฒนาที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท โดย ณ กลางปี 2551 มียูนิตขายที่รอการขายอีก 109,174 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 35,000 ยูนิต บ้านเดี่ยว 33,000 ยูนิต ทาวน์เฮาส์ 27,000 ยูนิต

วสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ฯ พบว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรกนี้ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่แล้ว โดยครึ่งปีแรกมียูนิตที่ขายได้แล้ว 37,000 ยูนิต สูงกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ประมาณ 32,000 ยูนิต ทั้งนี้สินค้าแนวราบกลับมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยบ้านเดี่ยวมียอดขาย 11,000 ยูนิต จากปีที่แล้วที่ขายได้ 9,000 ยูนิต ส่วนทาวน์เฮาส์มียอดขาย 10,000 ยูนิต ถือว่าสูงขึ้นมากจากปีที่แล้วที่ขายได้เพียง 5,000 ยูนิต ในขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มลดความร้อนแรงลง หลังจากที่บูมอย่างรุนแรงในครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว โดยมียอดขายเพียง 5,000 ยูนิต จากปีที่แล้ว 10,000 ยูนิต หรือลดลงถึง 44% และมีสัดส่วนเหลือเพียง 51% ของตลาดรวม นอกจากนี้ยังพบว่า ในซัปพลายที่ขายได้แล้วในครึ่งปีแรก ส่วนใหญ่เป็นซัปพลายเก่าที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปีก่อนๆ ถึง 14,000 ยูนิต มากกว่าซัปพลายที่ผลิตในปีนี้ แตกต่างจากปีที่ผ่านมาที่ผู้ซื้อให้ความสนใจซื้อบ้านที่สร้างใหม่ในปีเดียวกันมากกว่า สะท้อนให้เห็นว่า กำลังซื้อที่ลดลงทำให้สต็อกบ้านสร้างเสร็จพร้อมขายในต้นทุนเก่าได้รับความสนใจมากกว่า เนื่องจากราคาถูกกว่า

สิ่งที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมซบเซาลง วสันต์กล่าวว่า ในแง่ดีมานด์ปีที่แล้วคนได้รับผลกระทบจากน้ำมันแพง จึงหันมาซื้อคอนโดมิเนียมกลางเมือง แต่ในปีนี้โครงการรถไฟฟ้าเริ่มมีความชัดเจน รวมถึงการซื้อโครงการแนวราบที่โอนได้ในปีนี้จะได้รับประโยชน์จากมาตรการทางภาษี ทำให้ตลาดหันมาสนใจซื้อแนวราบมากขึ้นแทน ส่วนในแง่ซัปพลายใหม่พบว่า การพัฒนาคอนโดมิเนียมใหม่เริ่มลดลงจากข้อจำกัดด้านราคาที่ดิน ต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น กฎหมายที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาโครงการใหม่ ทั้งนี้วสันต์สรุปภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในครึ่งปีหลังว่า ทาวน์เฮาส์ระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทจะยังได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด ส่วนคอนโดมิเนียมก็ยังขายดีในทุกระดับราคา แต่ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของโครงการเป็นปัจจัยสำคัญ

ทาวน์เฮาส์มาแรง

ขณะที่ผลสำรวจตลาดของฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ระบุว่า ในครึ่งปีแรกมีการพัฒนาบ้านเดี่ยวลดลงจากปีที่แล้วจาก 22,921 ยูนิตเป็น 21,102 ยูนิต หรือ 58% โดยดีเวลลอปเปอร์หันมาพัฒนาทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้นจาก 13,996 ยูนิตเป็น 15,490 ยูนิต อยู่ในพื้นที่ทิศเหนือมากที่สุด 5,791 ยูนิต (37%) ทิศตะวันตก 4,179 ยูนิต (27%) พื้นที่ทิศตะวันออก 2,474 ยูนิต (16%) พื้นที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 1,927 ยูนิต (12%) และพื้นที่ทิศใต้ 1,119 ยูนิต (7%) ตามลำดับ โดยในจำนวนนี้มีทาวน์เฮาส์เปิดตัวใหม่ 4,064 ยูนิต เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน

ส่วนยอดขายทาวน์เฮาส์ในครึ่งปีแรกสูงขึ้นจากปีก่อน โดยมียอดขาย 7,133 ยูนิต คิดเป็น 46% และมียอดขายสูงขึ้นในทุกระดับราคา ทั้งนี้มีสาเหตุจากความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบที่ยังคงมีอยู่ ในขณะที่ราคาบ้านเดี่ยวอาจจะสูงเกินกำลังซื้อในตลาด ลูกค้าบางรายจึงสนใจซื้อที่อยู่ที่มีขนาดที่ดินเล็กลง แต่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอกับความต้องการ รวมทั้งทำเลของบ้านเดี่ยวไกลกว่าทาวน์เฮาส์ในระดับราคาเดียวกัน ทำให้บ้านเดี่ยวอาจมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าเมืองสูงกว่า ทั้งนี้ทาวน์เฮาส์ในพื้นที่ทิศเหนือได้รับความสนใจมากที่สุด สามารถขายได้ถึง 2,947 ยูนิต หรือ 51%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us