|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2551
|
|
จริงๆ แล้วพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า Brook House ที่คู่สามีภรรยา David-Jo Freer ตัดสินใจซื้อเมื่อหลายปีก่อน อยู่ในสภาพของซากปรักหักพังเราดีๆ นี่เอง Jo เล่าว่า "ถ้าทิ้งไว้อีกเพียงปีเดียว บ้านหลังนี้ก็หมดทางบูรณะฟื้นฟูอะไรได้อีก!"
คฤหาสน์ริมลำธารใน Gloucestershire แห่งนี้สร้างขึ้นในยุค Tudor โดยเริ่มต้นจากหมู่กระท่อม 3 หลังและ malthouse อีกหนึ่งหลัง ต่อมาในปี 1735 จึงมีการก่อสร้างเพิ่มเติมด้วยการเชื่อมบ้านทั้งหมดเข้าด้วยกัน และสร้างบริเวณด้านหน้าของคฤหาสน์ ให้มีรูปแบบของยุค Regency เพิ่มเข้าไป เมื่อถึงยุค Victoria ก็มีการสร้างอาคารเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อเปลี่ยนรูปโฉมให้ Brook House เป็นอาคารรูปตัว L ที่ประกอบด้วย 8 ห้องนอนดังเช่นในปัจจุบัน การต่อเติมครั้งสุดท้ายแล้วเสร็จลงในช่วงทศวรรษ 1980 โดยมีการสร้างหอสวดมนต์เล็กๆ ขึ้นมาและทำพิธีฉลองกันในบ้าน malthouse หลังเก่านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เจ้าของบ้านคนสุดท้ายซึ่งเป็นสุภาพบุรุษผู้ชราภาพมากแล้ว ไม่สามารถรับมือกับงานบูรณะซ่อมแซมได้ทัน กาล สิ่งที่ Jo กับ David ได้ไว้ในครอบครองหลังจากตัดสินใจซื้อ เอาไว้ก็คือ ซากปรักหักพังเราดีๆ นี่เอง เมื่อย่างเหยียบเท้าลงบนพื้นก็สัมผัสได้ถึงความผุพัง พอเดินเข้าใกล้ห้องครัวก็ได้ยินเสียงหนู วิ่งแตกตื่นกระเจิงหนีไป เวลาฝนตกน้ำฝนก็รั่วจากหลังคาลงมาเจิ่งนองพื้น สายไฟที่เดินเข้าไปยังฝักบัวในห้องน้ำก็ชวนให้หวาด เสียวเหลือเกินว่าจะเกิดไฟรั่วขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เจ้านก jackdaw ที่มี พฤติกรรมเหมือนอีกาบ้านเรารึก็พร้อมใจกันบินลงมาตามปล่องไฟ เพื่อหาอาหารแล้วบินโฉบไปมาตามห้องนอนดูวุ่นวายไปหมด
แต่สองสามีภรรยาก็ถูกใจกับทำเลทองของบ้านหลังนี้เอามากๆ ต่างหลงเสน่ห์ในสภาพแวดล้อมสุขสงบชนิดที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากที่อื่นดังที่ Jo เล่าว่า
"ตัวบ้านอยู่ลึกจากถนนเข้าไปมากและมีที่ดินล้อมรอบอีก มากกว่า 3 เอเคอร์เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีลำธารน้ำไหลแรงผ่านด้านข้างของตัวบ้าน ทำให้คุณได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา แถมยังเห็นเงาสะท้อนของสายน้ำปรากฏอยู่บนเพดานบ้านด้วย"
การบูรณะซ่อมแซมบ้านหลังนี้เป็นไปอย่างราบรื่นเพราะคู่สามีภรรยาต่างมีความสามารถเสริมกันและกันอย่างดียิ่ง โดย Jo เป็นมัณฑนากรฝีมือดีขณะที่ David ผู้สามีเป็นวิศวกรโครงสร้างผู้มีบทบาทเป็นหนึ่งในทีมออกแบบโครงสร้างของ Sydney Opera House ที่รู้จักกันในทั่วโลกด้วย
ปี 2003 ทั้งคู่พร้อมทีมงานอีก 25 ชีวิตจึงเริ่มโครงการบูรณะ Brook House และใช้เวลาเพียง 15 เดือนก็ทำให้บ้านหลังนี้กลายเป็นบ้านในฝันของครอบครัวได้แบบไม่น่าเชื่อเมื่อคิดย้อนถึงสภาพทรุดโทรมจนน่ากลัวในช่วงก่อนจะเริ่มโครงการ
เมื่อดำเนินโครงการคืบหน้าไปเรื่อยๆ ทั้งสองก็พบของเก่ามีคุณค่ามากมายซ่อนอยู่ใต้ปูน พลาสเตอร์และไม้อัดทั่วทั้งบ้าน เช่น หินปูพื้นยุคศตวรรษที่ 18 และเตาผิงแกะสลักลวดลายประณีตงดงาม "เรายังพบหน้าต่างโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่าตัวบ้านเสียอีก คิดว่าได้จากวัดที่อยู่ใกล้ๆ นับอายุย้อนไปถึงทศวรรษ 1100 เลยทีเดียว"
ที่น่ายินดีมากๆ คือการค้นพบแผ่นกระดานซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนพรม และเปื้อนน้ำมันดินเป็นชั้นหนา เมื่อนำมาทำความสะอาดขจัดคราบน้ำมัน ดินออกไป ทำให้ค้นพบกระดานปูพื้นลายฟันปลาน่ารักทำจากไม้โอ๊กและไม้สนแข็งแรง ที่สำคัญคือยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพียงแค่ขัดด้วยกระดาษ ทรายก็สามารถเรียกคืนความสวยงามกลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะ Jo มีนิสัยทำงานละเอียด เธอจึงลงทุนจ้างคนมาดูดฝุ่นและ เศษผงต่างๆ ออกจากใต้พื้นกระดานทันทีที่งานเดินสายไฟและท่อน้ำทุกอย่างแล้วเสร็จลง รางวัลที่ได้จากการทำงานหนักนี้คือ บ้านสวยงามที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะห้องครัวแปลงโฉมจากครัวที่มีแต่หนูวิ่งขวักไขว่มาเป็นห้องครัวทันสมัยสะอาดตา พื้นครัวที่เคยปูด้วยกระเบื้องสำหรับปูห้องน้ำก็ถูกแทนที่ใหม่ด้วยกระเบื้องปูพื้นโดยเฉพาะ
แปล/เรียบเรียง ดรุณี แซ่ลิ่ว
ภาพ The English Home/June 2008
|
|
|
|
|