|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2551
|
|
ตัวเลขยอดเงินสินเชื่อที่ธนาคารกรุงเทพปล่อยให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวน 38,000 ล้านบาท ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับทรัพย์สินของธนาคารที่เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาแบงก์บัวหลวงแห่งนี้ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมสร้างเครือข่าย ขยายวงกว้างออกไป โดยเฉพาะในงานครบรอบ 10 ปี ที่มีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสัมมนามากกว่าพันรายตลอดหนึ่งวันเต็ม และยังมีกลุ่มสมาชิกร่วมจัดนิทรรศการ
การจัดงานเอสเอ็มอีของธนาคารกรุงเทพทุกครั้งมีขาประจำอยู่ 2 คน คนแรก ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้ทำพิธีเปิดงานตามธรรมเนียม และโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ที่จะคลุกคลีกับธุรกิจเอสเอ็มอี และร่วมเป็นวิทยากร นอกเหนือจากเป็นนักพยากรณ์เศรษฐกิจของไทยบ้างเป็นบางครั้ง
แต่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะร่วมฟังความเห็นของโฆสิตบ่อยครั้ง เหมือนดังเช่นในงานครบรอบ 10 ปี เขาพูดในหัวข้อการปรับตัวของธุรกิจเอสเอ็มอีในยุคข้าวยากหมากแพง
เขาบอกว่า วิกฤตเศรษฐกิจผู้ประกอบการไทยเจอและผ่านมาแล้ว เมื่อปี 2540 เป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เศรษฐกิจไทยติดลบ 4% และปี 2541 ติดลบเพิ่มเป็น 10.5%
ส่วนปี 2551 เป็นวิกฤติที่เกิดจากภายนอกแต่ประเทศไทย ก็ยังมีอัตราการเติบโตที่ยังรับได้ในครึ่งปีหลัง
ผู้ประกอบการได้รับบทเรียนและได้ผ่านความยากลำบากมาแล้ว และธนาคารก็ได้เรียนรู้และศึกษาวิธีการปรับตัวของธุรกิจเอสเอ็มอีเช่นเดียวกัน
"การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนสามารถทำต่อไปได้เลยทันที โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะ 2 สิ่งนี้สามารถแยกออกจากกันได้" โฆษิตแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
โฆษิตบอกว่า อาวุธสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจไปรอดได้คือ "องค์ความรู้" เพราะความรู้จะช่วยสร้างมาตรฐานให้สินค้าและบริการเกิดการยอมรับและความรู้ จะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการนำความรู้สร้างเอกลักษณ์หรือแบรนด์
ความเห็นของโฆษิตที่บอกเล่าให้กลุ่มผู้ประกอบการฟัง ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่เขาเคยพูดมาแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2550 เขาได้ตอกย้ำเรื่องขององค์ความรู้ ยังเป็นความคิดที่ยังคงทันสมัย ที่ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยยังคงต้องพัฒนาไปอีกหลายปี
การสนับสนุนสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยเน้นผลักดันธุรกิจเอสเอ็มอีที่สร้างธุรกิจและบริการใหม่ๆ รวมถึงธุรกิจประหยัดพลังงาน หรือพัฒนาพลังงานทดแทน อิงกับกระแสโลกที่เกิดขึ้นในภาวะปัจจุบันที่ตื่นตัวเรื่องโลกร้อน
การบริหารดูแลเอสเอ็มอีของธนาคาร ได้แบ่งลูกค้าออกเป็น 2 ส่วน ยึดตามภูมิศาสตร์ ส่วนแรกเป็นลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่นครหลวง ที่มีวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ ผู้อำนวยการลูกค้าธุรกิจรายกลางนครหลวงทำหน้าที่ดูแล และส่วนที่สอง ลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัดจะมีปิยะ ซอโสตถิกุล ให้ความช่วยเหลือและดูแล
การจัดตั้งชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี เมื่อปี 2546 ขึ้นมา เป็นอีกยุทธศาสตร์หนึ่งที่แบงก์บัวหลวงต้องการขยายและสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างสมาชิกด้วยกัน เพื่อประโยชน์ของกลุ่มสมาชิกที่จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือร่วมมือกันทางธุรกิจในอนาคต และปัจจุบันมีสมาชิก 600 ราย
ตลอดเส้นทาง 10 ปี บนถนนเอสเอ็มอี เป็นบทพิสูจน์ว่าธนาคารกรุงเทพยังคงเจาะตลาดเอสเอ็มอีต่อไปและคาดหวังว่าจะเป็นแบงก์ที่เข้าไปอยู่ในใจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเช่นเดียวกับสโลแกนของธนาคารที่บอกว่าเป็น "เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน"
|
|
|
|
|