Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน31 กรกฎาคม 2551
AP ออกหุ้นกู้มูลค่า 1,000ล. ดบ.ขั้นบันได             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

   
search resources

เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ.
อนุพงษ์ อัศวโภคิน
Real Estate




'เอเชี่ยน พร็อพ-เพอร์ตี้' เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นใน ตลาดทุน ด้วยการเตรียมเสนอขายหุ้น กู้อายุ 3 ปี มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ผ่านแบงก์ไทยพาณิชย์ ในอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดปีที่ 1 ให้ 5.0% ปีที่ 2 เท่ากับ 6.0% ต่อปี และปีที่ 3 ที่ 7.0% โดยจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน พร้อม เปิดจองซื้อ 4-7 สิงหาคมนี้ โบรก-เกอร์คาดผลประกอบการไตรมาส 2 โดดเด่น

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้อายุ 3 ปีของบริษัท จำนวนรวม 1,000,000 หน่วย มูลค่าหุ้นกู้รวม 1,000,000,000 บาท ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัทให้ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว

สำหรับผลตอบแทนของหุ้นกู้ดังกล่าว คือ อัตราดอกเบี้ย 5.0% ในปีแรก ปีที่ 2 เท่ากับ 6.0% และปีที่ 3 เท่ากับ 7.0% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจองซื้อหุ้นกู้ AP ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 4-7 สิงหาคม 2551 นี้ โดยกำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท

โดย บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ AP ในระดับ BBB+ มีแนวโน้มของอันดับเครดิตคงที่ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย ความยืดหยุ่นในการบริหารงาน ของบริษัทที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนและพัฒนาโครงการให้เป็นไปตามแนวโน้ม ของอุตสาหกรรม ตราสัญลักษณ์ AP ที่เป็นที่ยอมรับในเรื่องของผู้นำที่อยู่อาศัยใน เมือง ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับสำหรับทาวน์เฮาส์ในเมือง และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถึงแม้ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมต้องปรับราคาขายสินค้าขึ้นเนื่องจากผลกระทบด้านต้นทุน แต่อย่างไรก็ตาม ที่อยู่อาศัยในทำเลใจกลางเมือง ติดแนวรถไฟฟ้ายังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายรวมจำนวน 4,433 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าแนวราบจำนวน 3,233 ล้านบาท และสินค้าแนวสูงจำนวน 1.2 พันล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัทมีสินค้าในมือ ที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 17,806 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2553

ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,010 ล้านบาท ซึ่งเป็นแนวสูง 1 โครงการ และแนวราบ 3 โครงการ ส่วนแผน งานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 17,260 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 10,940 ล้านบาท และแนวราบ จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวม 6,320 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 19,270 ล้านบาท ถือเป็นการเปิดตัวโครงการในจำนวนมากที่สุดเท่าที่ผ่านมา โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายทางด้านยอดขายไว้ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และมีแผนการรับรู้รายได้ในอัตราที่เติบโตจากปีก่อนประมาณ 15% หรือประมาณ 9 พันล้านบาท

นอกจากนี้ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์มากขึ้น บริษัทเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในส่วนของบ้านเดี่ยว ภายใต้ชื่อ เดอะ เซ็นโทร (The Centro) โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง ราคาขายประมาณ 3.5-5 ล้านบาท ซึ่งจาก เดิมที่บริษัทพัฒนาบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ เดอะ ซิตี้ (The City) ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับบนเท่านั้น โดยรูปแบบของบ้าน เดอะ เซ็นโทร จะมีขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการของคนเมือง เน้นความโปร่งโล่งด้วยพื้นที่กระจกขนาดใหญ่ แบ่งสัดส่วนพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ใช้สอยของครอบครัวได้อย่างลงตัว

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาน้ำมันจะทรงตัว อยู่ในระดับสูง แต่บริษัทเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อ ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ไม่น่าจะถึงขั้นตัวเลข 2 หลักและเชื่อว่าปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อจะไม่ส่งผลกระทบกำลังซื้อมากกว่าการเมือง ในขณะนี้เพราะปัญหาดังกล่าวยังถือว่าเป็นไฟลามทุ่งและจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้บริษัทยังคงคาดหวังว่ายอดขายในครึ่งปีหลังจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทมีโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิด มูลค่ารวมกว่า 10,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น คอนโดมิเนียมจำนวน 3 โครงการ บ้านเดี่ยว จำนวน 2 โครงการ

บทวิเคราะห์จาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุถึงหุ้น AP ว่าให้คำแนะนำ ซื้อ (ปรับขึ้น จาก ถือ) โดยคาดว่าบริษัทจะประกาศกำไรสุทธิ 2Q51 ออกมาโดดเด่นมากเป็น 426 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 334% y-o-y สืบเนื่องจาก 1) การรับรู้รายได้สูงเพราะผู้ซื้อบ้านเลื่อนการ โอนกรรมสิทธิ์จาก 1Q51 มาเป็น 2Q51 เพื่อสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ 2) ประหยัดค่าใช้จ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่ออกให้ลูกค้าได้จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเปิดขายโครงการใหม่ก็ลดลง เพราะเปิดขายโครงการใหม่น้อย

ส่วนยอดขาย (Presales) ใน 2Q51 กลับปรับตัวลดลงทั้ง y-o-y และ q-o-q ผลพวงจากการที่ AP เปิดขายโครงการใหม่เพียง 4 โครงการ ที่มูลค่าขาย 2.0 พันล้านบาท ซึ่งแต่ละโครงการนั้นมีขนาดเล็กๆ อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มของยอดขายในอนาคตจะมีความสดใสมากขึ้น ตามที่บริษัทวางแผนที่จะเปิดขายโครงการใหม่ถึง 12 โครงการใน 2H51 นี้ มูลค่าขายรวมสูงถึง 17.3 พันล้านบาท โครงการใหม่ดังกล่าวประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 5 โครงการ ซึ่งทำเลดีคือ อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า และโครงการบ้านแนวราบ 7 โครงการ จุดแข็งของบริษัทคือ มียอดขาย รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่สูงมากถึง 15 พันล้านบาท สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้ว่า การรับรู้รายได้ในอนาคตจะมีความมั่นคงใน 2-3 ปีข้างหน้า

สำหรับราคาหุ้นได้ปรับตัวลงถึง 41% หลังจากได้ขึ้นไปทำยอดสูงสุดที่ 8.05 บาท ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ผลพวงจากปัจจัยลบแวดล้อม คือ การเมืองไทยที่ไม่แน่นอน อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อก็เร่งตัวขึ้น ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E ปี 51 ที่ต่ำเพียง 8.6 เท่า และเสนอส่วนเพิ่มถึง 22.2% เทียบกับราคาพื้นฐานใหม่ 5.82 บาท ซึ่งอิงตาม P/E ปี 51 ที่ 10.0 เท่า อีกทั้งคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 51 อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจเป็น 4.8% ส่วนความเสี่ยงคือ ราคาวัสดุก่อสร้างที่อยู่ในระดับสูง และการชะลอตัวลงของการบริโภคภายในประเทศ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us