|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พีเจ้น อัดฉีด 30 ล้านบาท รุกตลาดผลิตภัณฑ์เด็กครึ่งปีหลัง ชูแผนบุกภูธรหนักปีที่ 2 หลังพบตลาดใหญ่ อัตราการเกิดสูง เร่งการสร้างแบรนด์ติดลมบนคุณแม่มือใหม่ รุกตลาดขวดนมครั้งแรกรอบหลายปี จัดเซกเมนต์ใหม่ พร้อมขนสินค้านำเข้า 20 รายการ กระตุ้นยอดขายโต 12% กวาด 355-360 ล้านบาทสิ้นปีนี้
นายนิรามัย ลักษณานันท์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท มุ่งพัฒนามาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กตราพีเจ้น เปิดเผยว่า แผนการตลาดบริษัทจะรุกขยายตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ อีกทั้งอัตราการเกิดของเด็กคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ สัดส่วน 20% เท่านั้น โดยบริษัทมุ่งเน้นสร้างแบรนด์ให้มากขึ้น จากเดิมเน้นสร้างยอดขายเป็นหลัก ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาด ควบคู่กับจัดโปรโมชัน ณ จุดขาย ตลอดจนการเพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เจาะกลุ่มเป้าหมายคุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์หรือมีลูกคนแรกเป็นหลัก
ล่าสุดบริษัทได้จัดกิจกรรม 4 ภาค ได้แก่ โรบินสัน ศรีราชา โรบินสัน จ.เชียงใหม่ เดอะมอลล์ จ.นครราชสีมา และเซ็นทรัล จ.ภูเก็ต บนพื้นที่ 250 ตร.ม. โดยการให้ข้อมูลและความบันเทิงแก่คุณแม่ ทั้งนี้คาดว่างานดังกล่าวจะมีคุณแม่เข้ามาร่วมงาน 700 คน และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกทั้งปีตั้งเป้ายอดขายในตลาดต่างจังหวัดเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก หลังจากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยอดขายเติบโต 7-8% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ เติบโต 20% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้า 3 ปี สัดส่วนรายได้ตลาดต่างจังหวัดจะเพิ่มจาก 30% เป็น 50% และกรุงเทพฯ เหลือ 70% เป็น 50%
“หากเราขยายฐานลูกค้าตลาดต่างจังหวัดเป็นไปตามเป้าหมาย บริษัทจัดทัพสินค้าใหม่ โดยนำสินค้าที่ไม่ได้มีการทำตลาดอย่างจริงเข้ามารุกตลาดต่างจังหวัดเพิ่มเติม อาทิ กลุ่มเบบี้ไวพส์ และผลิตภัณฑ์ถนอมผิวสำหรับเด็ก อาทิ แชมพู สบู่ โลชั่น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค”
นายนิรามัย กล่าวว่า ส่วนแผนการทำตลาดในกรุงเทพฯ บริษัทยังคงตอกย้ำแบรนด์โพซิชันนิง ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการของเด็กและทารก และเตรียมเปิดตัวไลน์สินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 20 รายการ ตลอดจนการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ การแจกสินค้าตัวอย่าง โดยวางงบการตลาดโดยรวม 30 ล้านบาท เพื่อรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง แบ่งเป็น อะโบฟเดอะไลน์ 60% และบีโลว์เดอะไลน์ 40% ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและสร้างประสบการณ์ตรงให้กับกลุ่มเป้าหมาย ส่วนปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้า แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้น
ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มไลน์เครื่องจักรผลิตขวดนมเพิ่ม รองรับการส่งออก 70% และภายในประเทศ 30% พร้อมกันนี้ได้จัดโปรดักส์ไลน์แต่ละเซกเมนต์ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อรุกตลาดหนักครั้งแรกรอบหลายปี จากเดิมเซกเมนต์สแตนดาร์และพรีเมียมไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เนื่องจากบริษัทต้องการรุกตลาดทั้งสองเซกเมนต์ โดยตลาดพรีเมียมการซื้อไลเซนส์ซี่ลิขสิทธิ์จากซานริโอ ด้วยการออกคอลเลกชันคิดตี้ทั้งหมด 8 ลาย และสร้างความต่างนำจุดขวดนมนวัตกรรมใหม่ Mini Peristaltic วางราคา 150 บาท เมื่อเทียบกับสินค้าเดิม 97 บาท พร้อมกันนี้ยังรุกขยายฐานลูกค้าเบบี้ไวพส์กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เซกเมนต์พรีเมียมมีอัตราการเติบโตสวนกระแสตลาด โดยพบว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมากลุ่มสินค้าพรีเมียมเติบโต 20% ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับอีโคโนมี ต้นทุนการผลิตสินค้าปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สินค้าต้องจำหน่ายในราคาถูก ส่งผลกระทบผู้ประกอบการอย่างมาก อีกทั้งการแข่งขันยังมีความรุนแรง อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่บริษัทมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ผลประกอบการเติบโต 12% หรือมีรายได้ 355 -360 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมีรายได้ 350 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตกว่า 10% โดยรายได้หลักมาจาก จุดนม ขวดนม เบบี้ไวพส์ สินค้านำเข้า เป็นต้น
|
|
|
|
|