|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไวตามิ้ลค์ ผู้นำในตลาดนมถั่วเหลืองในบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วที่อยู่ในช่วงขาลง แก้เกมการทำตลาดนมถั่วเหลืองบรรจุภัณฑ์แบบยูเอชทีที่กำลังฮอต ด้วยการระดมกลยุทธ์การตลาดทุกรูปแบบ ถล่มแลคตาซอย ผู้นำในตลาดนมถั่วเหลือง แบบกล่องยูเอชที
การเข้ามาช่วงชิงตลาดนมถั่วเหลืองของไวตามิ้ลค์ ด้วยบรรจุภัณฑ์แบบกล่องยูเอชที ที่มีแลคตาซอย เป็นผู้นำตลาด เริ่มกรุยทางมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากส่งสินค้าใหม่ ไวตามิ้ลค์ ทูโก ชนิดยูเอชที ที่มีการเพิ่มปริมาณจากชนิดขวดบรรจุ 300 มล. เป็นขนาด 330 มล. และวางตำแหน่งสินค้าสำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้มีสัดส่วนลูกค้าผู้ชายประมาณ 60% และผู้หญิง 40% จากเดิมที่ลูกค้าของไวตามิ้ลค์มีสัดส่วนผู้ชายและผู้หญิงเท่ากันที่ 50%
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือว่าเป็นการปรับรูปแบบการทำตลาดไวตามิ้ลค์ทูโก ที่มีบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้ว ซึ่งเป็นระบบสเตอริไลซ์มาเป็นบรรจุภัณฑ์กล่องยูเอชที เพราะแม้ว่าเป้าหมายหลักของการเพิ่มรูปแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging)ไวตามิ้ลค์ ทูโก รูปแบบขวดแก้ว มาเป็นรูปแบบกล่องยูเอชที คือการขยายฐานลูกค้าของไวตามิ้ลค์ให้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีสินค้าสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยการทำกลยุทธ์ตลาดมัลติแบรนด์ทั้ง 3 แบรนด์คือ วีซอย จับกลุ่มผู้ใหญ่ และไวตามิ้ลค์ จับตลาดแมส ส่วนไวตามิ้ลค์แชมป์ จับตลาดลูกค้ากลุ่มเด็ก
แต่ถ้ามองอีกด้าน ถือเป็นความพยายามเพื่อจะเข้ามาเปิดศึกในตลาดนมถั่วเหลืองเซกเมนต์กล่องยูเอชทีอย่างชัดเจนนั่นเอง ที่สำคัญจะสามารถขจัดข้อด้อยของบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วที่เป็นฝาจีบทำให้ไม่มีความสะดวกในการบริโภค
ทว่าก่อนจะเบนเข็มมารุกหนักในตลาดนมถั่วเหลืองยูเอชทีนั้น ถือว่าการเป็นผู้นำในตลาดนมถั่วเหลืองบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้ว ที่มีสัดส่วนตลาดกว่า 2 พันล้านบาท เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ไวตามิ้ลค์ขึ้นเป็นผู้นำตลาดนมถั่วเหลือง
ไม่เพียงเท่านั้นการทำตลาดของไวตามิ้ลค์ในช่วงที่ผ่านมา ที่มีความได้เปรียบจากจุดแข็งทางด้านบรรจุภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และมีความหลากหลายมากกว่าแลคตาซอยที่มีบรรจุภัณฑ์ทำตลาด 2 รูปแบบคือ นมถั่วเหลืองกล่องยูเอชที และขวดวันเวย์ ขณะที่ไวตามิ้ลค์มีบรรจุภัณฑ์ทำตลาดใน 3 รูปแบบคือ ขวดแก้วแบบแลกคืน แบบกล่องยูเอชที และแบบขวดแก้วทูโก ซึ่งก็ส่งผลทำให้ตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 8,500 ล้านบาท ที่ครอบคลุมในทุกบรรจุภัณฑ์ มีไวตามิ้ลค์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% ส่วนอันดับสอง แลคตาซอย 35% ดีน่า 12% และโฟร์โมสต์ ไฮไฟว์ 3%
ในทางกลับกัน หากแบ่งตลาดนมถั่วเหลืองเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดกล่องยูเอชที ที่มีมูลค่าตลาดในสัดส่วนมากกว่า 5 พันล้านบาท ไวตามิ้ลค์ ยังเป็นเบอร์รอง มีส่วนแบ่ง 35% ส่วนผู้นำตลาดนมถั่วเหลืองในบรรจุภัณฑ์แบบกล่องยูเอชทีมีแลคตาซอย เป็นผู้นำตลาด ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 40%
ยิ่งกว่านั้น หากติดตามยอดการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดเบอร์รองอย่าง แลคตาซอย อีกทั้งผู้เล่นรายใหม่ๆอย่าง ดัชมิลล์ ดีน่า และโฟร์โมสต์ ไฮไฟว์ ที่อยู่ในตลาดนมถั่วเหลืองแบบกล่องยูเอชที จะเห็นได้ว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งทางการตลาดของทั้ง 3 ค่ายมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขส่วนแบ่งตลาดเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ไวตามิ้ลค์ ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 60% ของมูลค่าตลาดนมถั่วเหลืองทั้งหมด รองลงมาได้แก่ แลคตาซอย 30 % ดีน่า 5 % และอื่นๆ อีก 5 %
ที่สำคัญเหตุผลหลักของการเติบโตของตลาดนมถั่วเหลือง ในบรรจุภัณฑ์แบบกล่องยูเอชที ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตกว่า 20% ทำให้ครึ่งปีแรกนี้ แลคตาซอย เติบโต 26.4% ดีน่า เติบโต 21.7% และโฟร์โมสต์ ไฮไฟว์ เติบโตถึง 52.2%
นับว่าสถานการณ์ดังกล่าวที่ ไวตามิ้ลค์ กำลังถูกโจมตีจากคู่แข่งทุกค่ายที่เข้ามาในตลาดนมถั่วเหลือง ในบรรจุภัณฑ์รูปแบบกล่องยูเอชที เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ไวตามิ้ลค์ ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักที่มีจุดเด่นในการทำตลาดของบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วแบบผูกขาดตลาดที่มีมานาน จะต้องมีการปรับตัวทางด้านแพกเกจจิ้งอย่างจริงจัง เพื่อรับมือกับการแข่งขันตลาดนมถั่วเหลืองบรรจุภัณฑ์แบบยูเอชทีที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความพยายามของไวตามิ้ลค์ เพื่อแก้เกมการทำตลาดของนมถั่วเหลืองยูเอชที ก่อนจะเบนเข็มมาเปิดแนวรุกในตลาดนมถั่วเหลืองแบบกล่องยูเอชทีอย่างเต็มรูปแบบนั้น เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมามีการแตกไลน์บรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว ไวตามิ้ลค์ ทูโก ที่มีจุดเด่นทางด้านความสะดวกและทันสมัย และยังคงไว้ซึ่งจุดขายเดิมของไวตามิ้ลค์ที่เป็นนมถั่วเหลืองเพียงรายเดียวที่มีบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วแลกคืนที่มีความคลาสสิกเป็นจุดเด่นในการทำตลาด
ทว่าการผลิตขวดแก้วที่มีจำกัดในกระบวนการผลิต และปัญหาขวดแก้วทูโกไม่พอ ก็ยังเป็นอุปสรรคทำให้ ไวตามิ้ลค์ ซึ่งมียอดขายเติบโตสูงที่สุด เพราะสะดวก ให้ภาพลักษณ์ที่ดี และเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่ทำขวดแบบนี้แล้วต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าขาดตลาดกว่า 2 เดือน ประกอบกับการทำตลาดของขวดแก้วแบบแลกคืนที่แม้จะสร้างยอดขายให้ไวตามิ้ลค์ เป็นสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งหมด แต่ในกระบวนการจัดการที่จะต้องใช้รถวิ่งรับ-ส่งสินค้านั้น กลายเป็นปัญหาที่สร้างต้นทุนเพิ่มขึ้นในช่วงราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นแบบต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจฝืด และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องยังส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และเป็นปัจจัยทำให้ความถี่ในการดื่มนมของคนไทยลดลง โดยภาพรวมตลาดนมโดยรวมมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม ปี 2551 ในแง่ปริมาณติดลบ 1% เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นสำหรับตลาดนมโดยรวม ขณะที่ตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 8,500 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานี้ มีการเติบโตลดลง ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดมีอัตราการเติบโต 5% จากเดิมตลาดโตเป็นตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่องมาหลายปี โดยปีที่ผ่านมาตลาดเติบโต 12%
สภาพตลาดดังกล่าวทำให้การแข่งขันของแต่ละค่ายในตลาดนมถั่วเหลือง หันมาเดินเกมกลยุทธ์ด้านความคุ้มค่าราคาเป็นแนวทางการทำตลาดสำหรับยุคนี้ โดยเฉพาะค่ายเบอร์ 2 อย่าง แลคตาซอย ที่ใช้กลยุทธ์เพิ่มปริมาณ จาก 250 มล. เป็น 300 มล. แต่ไม่เพิ่มราคายัง 10 บาทเท่าเดิม
ขณะที่ไวตามิ้ลค์ มีการวางกลยุทธ์การทำตลาดที่แบ่งตามรูปแบบแพ็กเกจจิ้ง โดยวางหมากทั้ง 2 แพ็กเกจจิ้งคือขวดแก้วทูโก และกล่องแบบยูเอชที
สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดขวดแก้วทูโก เมื่อเร็วๆนี้ส่งไวตามิ้ลค์ ทูโก อิน แบล็ก ในรูปแบบขวดวันเวย์ เข้ามาเพื่อสร้างความหลากหลายของไวตามิ้ลค์ และเพื่อแก้เกมกลยุทธ์ทางด้านความคุ้มค่าราคาของแลคตาซอย โดยวางตำแหน่งทางการตลาดเป็นน้ำนมถั่วเหลือง และธัญพืชสีดำ 4 ชนิดเป็นตัวชูโรง คือ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสีนิล งาดำ และมอลต์สกัด บรรจุขวด 300 มล. ราคา 12 บาท ลงสู่ตลาด วางกลุ่มเป้าหมายผู้ชายเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดการทำตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวไวตามิ้ลค์ ทูโก บรรจุภัณฑ์กล่อง อีกทั้งเป็นการทำตลาดในเชิงรุกตอบโต้ ดีที่ชูจุดขาย "งาดำ" เช่นเดียวกัน
อีกทั้งวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อกระตุ้นการซื้อนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ ในรูปแบบยูเอชที ประการแรก เปิดแคมเปญส่งเสริมการขาย ให้ผู้บริโภคตัดหูข้างกล่องไวตามิ้ลค์ขนาด 250 มล. มีมูลค่า 1 บาทเมื่อนำไปแลกซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในเซเว่นอีเลฟเว่น สิ้นสุดเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ไวตามิ้ลค์มียอดขายเติบโต 20%
ประการที่สอง ภายในเดือนนี้ เตรียมเปิดตัวบรรจุกล่องยูเอชที ขนาด 330 มล. ราคา 12 บาท ช่วงแนะนำสินค้าราคา 10 บาท เพื่อมาต่อกรกับแลคตาซอย ที่มีการเพิ่มปริมาณเป็น 300 มล.มาก่อนหน้านี้ แต่มีข้อได้เปรียบที่มีปริมาณมากกว่าถึง 30 มล. ด้วยราคาขายที่เท่ากัน
ประการที่สาม จัดทำผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษ "ไวตามิ้ลค์ รุ่นโอลิมปิกไทย" รูปแบบกล่องยูเอชที ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ให้เป็นเครื่องดื่มสุขภาพสำหรับนักกีฬาไทย เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เกตติ้ง และสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ด้านกีฬา สำหรับไวตามิ้ลค์ รุ่นโอลิมปิก ผลิตจำนวน 2 แสนหีบ หรือ 7.2 ล้านกล่อง โดยรายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนนักกีฬาไทย 7 แสนบาท
ชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ล์ กล่าวว่า "สำหรับไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทเตรียมใช้งบราว 50 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดผ่านแคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และจากการรุกตลาดครบทุกรูปแบบคาดว่าสิ้นปีแชร์จะเพิ่มจาก 50% เป็น 55%"
|
|
|
|
|