ทีโอเอเร่งรักษาบัลลังก์ผู้นำตลาดสี ปรับสูตรสินค้าเดิม สร้างความต่างสีพรีเมี่ยมสปีดหนีคู่แข่ง จับมือไมโครแบนยกระดับสีซุปเปอร์ ชิลด์ ดูราคลีน สู่สีปลอดเชื้อ เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ
ความเคลื่อนไหวในระยะหลังของทีโอเอที่ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดสีเมืองไทย คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สีรุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และเน้นสีระดับพรีเมี่ยม เพื่อเจาะตลาดบนเป็นหลัก รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดอย่างเข้มข้นหลังจากเห็นว่าในภาวะนี้แม้เศรษฐกิจจะยังชะลอตัว แต่ผู้ที่มีกำลังซื้อยังเป็นกลุ่มที่ยังคงจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเร่งสร้างดีมานด์ใหม่ ขยายตลาดไปยังกลุ่มคนระดับกลางให้เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการใช้สีที่มีคุณภาพดีขึ้น ราคาแพงขึ้น จึงทำให้ปีที่แล้วสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมมียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มียอดขายของเติบโตกว่าปีที่แล้ว 30% มีมาร์เก็ตแชร์ 60% หรือ 3,300 ล้านบาท จากตลาดรวมสีกลุ่มพรีเมี่ยม 5,500 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายของสีรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในครึ่งปีแรก ได้แก่ “ชิลด์ วัน นาโนซิลิโคน” สีป้องกันคราบน้ำและน้ำมัน และ “ทีโอเอ เซเว่น อิน วัน ฟิวเจอร์ คัลเลอร์" สีทาภายนอกที่สามารถปกปิดรอยร้าวได้
แม้ในตลาดสีระดับบนจะมีการแข่งขันโดยใช้สงครามราคาไม่มากเท่าสีระดับล่าง แต่คู่แข่งในตลาดหลายรายที่เป็นผู้ตามในแง่ของมาร์เก็ตแชร์ ต่างก็ใช้กลยุทธ์เดียวกับทีโอเอในการทำตลาด คือ การเปิดตัวสีรุ่นใหม่ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ทีโอเอต้องพยายามสร้างความต่างด้วยการใช้วิธีแยกเซกเมนต์ในการทำตลาดสีระดับบนออกเป็นสีระดับอัลตร้าพรีเมี่ยม และสีระดับพรีเมี่ยม เพื่อสร้างความแตกต่างของสินค้าที่ชัดเจนจากคู่แข่งในการทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมาย โดยสีอัลตร้าพรีเมี่ยม ราคาขายจะอยู่ในระดับ 2,000 บาทขึ้นไป
จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุดทีโอเอได้นำแบรนด์ “ซุปเปอร์ ชิลด์ ดูราคลีน” สีทาภายในที่ชูจุดขายให้เป็นสีเช็ดล้างทำความสะอาดได้มาพัฒนาสูตรใหม่ จนกลายเป็น “สีปลอดเชื้อ” เพื่อรับกับกระแสการดูแลสุขภาพที่มาแรง โดยเป็นสีที่พัฒนาร่วมกับไมโครแบน ซึ่งเป็นเจ้าของส่วนประกอบหลักในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราจากสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และมีประสบการณ์ในการทำตลาดกับสินค้าต่างๆ ในไทยมากว่า 10 ปี โดยจะผสานไมโครแบนเข้าไปตัวสีในระหว่างขั้นตอนการผลิต ทำให้มีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ราน้ำค้าง และเห็ดราบนพื้นที่ต่างๆ เช่น ฝาผนัง เพดานในห้องนอน ห้องครัวและห้องน้ำ รวมถึงมุมอับชื้นต่างๆ ภายในบ้าน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ รอยดำบนผนังบ้าน รอยเปื้อน อาหารเป็นพิษ โรคภูมิแพ้ต่างๆ ภายใต้คุณสมบัติเดิม คือ เช็ดล้างได้ง่าย ทนทานต่อการขัดถูมากกว่าสีทั่วไป 20 เท่า หรือมากกว่า 20,000 ครั้ง โดยไม่ทิ้งรอยด่าง ไม่ดูดซับกลิ่น ความเปียกชื้นและสิ่งสกปรก ปลอดสารตะกั่ว สารฟอร์มาลีน และสารระเหยตกค้าง เมื่อทาสีเสร็จแล้วสามารถเข้าอยู่ได้ทันที
สีซุปเปอร์ ชิลด์ ดูราคลีนรุ่นใหม่นี้ถูกวางให้เป็นสีระดับอัลตร้าพรีเมี่ยม ราคาขนาด 5 แกลลอน ถังละ 2,800 บาท ขนาด 2.5 แกลลอน ถังละ 1,400 บาท ขนาด 1 แกลลอน ถังละ 560 บาท มีทั้งชนิดกึ่งเงา (Semi Gloss) และชนิดเนียน (Matt) เน้นการสร้างฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเก่า อาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮาส์ที่ยังเติบโตและมีจำนวนมากในตลาด รวมถึงกลุ่มที่มีบริเวณที่ต้องรักษาความสะอาดและต้องการการเช็ดล้างเป็นพิเศษ เช่น โรงพยาบาล คลินิก เนิร์สเซอรี่ โรงเรียนอนุบาล ห้องครัวในภัตตาคารและร้านอาหาร ห้องน้ำสาธารณะ โดยจะใช้งบการตลาดรวม 30 ล้านบาท ผ่านโฆษณาและกิจกรรม CSR ในโครงการ “ร่วมแบ่งปันความรักความห่วงใยให้กัน โดยสีซุปเปอร์ ชิลด์ ดูราคลีน สีทาภายในที่ดีที่สุด” ทั้งนี้ตั้งเป้ายอดขาย 300 ล้านบาท โดยจตุภัทร์คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี แม้เศรษฐกิจปัจจุบันจะอยู่ในภาวะชะลอตัว เพราะการทาสีเป็นการปรับปรุงบ้านที่ใช้งบประมาณต่ำที่สุด ซึ่งน่าจะทำให้ยอดขายทั้งปีนี้ของบริษัทเติบโตขึ้น 10% ตามเป้าที่ตั้งไว้ 8,800 ล้านบาท และมีมาร์เก็ตแชร์ 50% ในกลุ่มสีทาอาคาร
|