|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ประธานตลาดหุ้น "ปกรณ์" ยอมรับเป้าบริษัทจดทะเบียนใหม่ปีนี้พลาดเป้า โยนตลาดหุ้นไม่เอื้อ-ขยายระยะเวลาให้สิทธิทางภาษีต่อไปอีก 1 ปี ขณะที่ผู้บริหารเอ็มเอไอ คาดก.ย. นี้มีเอกชนจ่อเข้าระดมทุนถึง 6 ราย ด้าน "เสนาฯ" ไม่กลัว แต่งตั้งบล.กิมเอ็งฯ-เอสเซทโปรฯ เป็นที่ปรึกษาดันเข้าครึ่งปีหลังนี้ หวังระดมทุน 500 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปขยายกิจการ
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในต/ลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 37 บริษัท แบ่งเป็นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 25 บริษัท และ mai 12 บริษัท เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ทำให้มีค่าพี/อี ต่ำ ส่งผลให้ภาวะตลาดหุ้นไทยไม่เอื้ออำนวยต่อการระดมทุนของบริษัทเอกชน
ขณะเดียวกัน นโยบายการขยายระยะเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทเข้าจดทะเบียนต่อไปอีก 1 ปี ทำให้บริษัทมีการชะลอแผนในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
"แม้ว่าจะมีบริษัทเอกชนบางแห่งเลื่อนหรือชะลอแผนการระดมทุน แต่ยังมั่นใจว่าปีนี้จะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเอ็มเอไอไม่ต่ำกว่า 30 บริษัท"
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่า ภายในเดือนกันยายนนี้มีบริษัทเอกชนวางแผนที่จะเข้าระดมทุนในตลาดเอ็มเอไอประมาณ 5-6 บริษัท เพราะภาวะตลาดหุ้นช่วงนี้ยังไม่มีความแน่นอน รวมทั้งบริษัทบางแห่งต้องการรอผลประกอบการไตรมาส 2/51 ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน เพื่อจะได้นำเสนอให้ผู้ลงทุนได้รับทราบอย่างละเอียด
"ช่วงนี้ตลาดหุ้นไม่เอื้อทำให้เอกชนเลื่อนแผนระดมทุนออกไปก่อน และทำให้ไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงกันยายนนี้ถึง 5-6 บริษัท แต่ก็ยอมรับว่าบางบริษัทที่เคยต้องการจะจดทะเบียนซื้อขายในปีนี้บางแห่งเลื่อนไประดมทุนในปีหน้า"
เสนาฯเดินหน้าเข้าตลาดหุ้นไทย
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST และบริษัทแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย (กลต.) ในเดือน ก.ย. ก่อนที่จะโรดโชว์หุ้นแก่นักลงทุนในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้ โดยบริษัทมีแผนจะกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ภายในครึ่งปีหลังของปี 51นี้
สำหรับแผนการระดมทุนนั้น บริษัทจะทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็น 700 ล้านบาท ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าจะได้เงินจากการระดมทุนประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายกิจการ และเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินการธุรกิจ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางด้านการเงินให้แก่บริษัทด้วย
นางสาวเกษรา กล่าวว่า แม้ภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมาและแนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังจะยังมีปัจจัยลบทางด้านการเมืองเข้ามากระทบ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อราคาเสนอขายหุ้นของบริษัท แต่บริษัทมั่นใจในจุดแข็งด้านการเงิน และผลประกอบการ รวมถึงอัตราการเติบโตของยอดขายและอัตราการทำกำไรของบริษัทที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนให้เข้ามาซื้อหุ้นของ เสนาฯ และส่งผลดีต่อราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทอย่างแน่นอน
"ปัจจุบันบริษัทมีจุดแข็งคืนมีต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำ และมีประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 30ปี ซึ่งเสนาฯ ถือว่าเป็นที่รู้จักของนัดลงทุน และประชาชนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งที่การบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินการได้สูงทำให้มีต้นทุนการเงินต่ำ ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 0.64 เท่า ซึ่งจะช่วยให้หุ้นของบริษัทน่าสนใจ มากขึ้น"
ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินสะสมรอการพัฒนากระจายอยู่ในพื้นที่ของกรุงเทพฯ กว่า 100 ไร่ รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ได้กว่า 1-2 ปี โดยที่ไม่ต้องซื้อที่ดินเข้ามาใหม่ จึงช่วยให้บริษัทมีต้นทุนการพัฒนาโครงการที่ต่ำ โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มอีกจำนวน 4 โครงการมูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการใหม่ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม The Niche ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าระดับ B และ B+ จำนวน 2 โครงการในซอยสุขุมวิท 49 และซอยลาดพร้าว 48 และคอนโดมิเนียมแบรนด์ The Cache จับกลุ่มลูกค้าระดับ C และ C+ จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการ The Cache ลำลูกกาคลอง 2 และสำโรง สำหรับไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 553 ล้านบาท เติบโต 100% จากช่วงเดียวกันของปี 50 ที่มีรายได้ 267 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวมทั้งปี 1,100 ล้านบาท เติบโตจากปี 50 ที่มีรายได้รวม 679 ล้านบาทประมาณ 50%
จากการรวบรวมข้อมูลบริษัทที่อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จำนวน 17บริษัท ประกอบด้วย บริษัทไทยง้วน เอทานอล จำกัด (มหาชน) บริษัทเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทพี.โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด (มหาชน) บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
บริษัทเมืองใหม่ กัตทรี จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) บริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ บริษัทสตาร์ส ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่น้ำสแตนเลสไวร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทแอปโซลูท ซิมแพค จำกัด (มหาชน) บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) บริษัทสหไทยสตีลไพพ์ จำกัด (มหาชน)
|
|
|
|
|