ปี 2533 ไทยมียอดการส่งออกและนำเข้าประมาณ 1.5 ล้านล้านบาทหรือประมาณกว่า
50% ของรายได้ประชาชาติ สิ่งนี้บ่งบอกถึงความสำคัญของภาคการผลิตที่สัมพันธ์กับตลาดโลกว่า
มีความหมายต่อการสร้างความเจริญเติบโตของรายได้ประชาชาติอย่างมากในปัจจุบัน
เป้าหมายของสิ้นแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7 อีก 5 ปีข้างหน้า ก็ได้วางความสำคัญของภาคการผลิตที่สัมพันธ์กับตลาดโลกสูงยิ่งขึ้นอีก
โดยให้การผลิตเพื่อส่งออกและนำเข้ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของรายได้ประชาชาติ
และกลยุทธในการสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายอยู่ที่การกระตุ้นและเพิ่มศักยภาพในการส่งออกให้มากขึ้น
การผลิตเพื่อส่งออกจากนี้ไป จึงเป็นหัวใจของการผลิตเพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางรายได้ประชาชาติที่ทุกประเทศทั่วโลกยึดถือเป็นกลยุทธหลัก
ในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มองเห็นจุดนี้มานานแล้ว สิ่งนี้คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์มีกลไกทางการเงินเพื่อการสนับสนุนการส่งออกที่ก้าวหน้ากว่าไทย
"เรามีคน มีเทคโนโลยี แต่ไม่มีไฟแนนซ์ซิ่ง" บัณฑิต นิจถาวร พูดถึงเหตุผลที่ไทยต้องมีเอ็กซิมแบงก์เหมือนเพื่อนบ้านอาเซียน
สิงคโปร์ตั้งเอ็กซิมแบงก์มาตั้งแต่ปี 1975 หรือเมื่อ 16 ปีก่อน เรียกว่า
บริษัทประกันสินเชื่อเพื่อการส่งออก (สิงคโปร์) จำกัด รัฐบาลและสถาบันการเงินเอกชนร่วมกันถือหุ้นฝ่ายละ
50% ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนประมาณ 96 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
บริษัทนี้ทำธุรกิจเน้นหนักการให้บริการด้านการรับประกัน และค้ำประกันสินเชื่อเพื่อการส่งออกที่คุ้มครองความเสี่ยงทั้งที่มาจากการค้าและไม่ใช่การค้า
โดยมีระยะเวลาคุ้มครองระยะสั้นไม่น้อยกว่า 6 เดือน และระยะยาวมากกว่า 2 ปี
การค้ำประกันความเสี่ยงทั้งหมดต่อแบงก์พาณิชย์ ทางบริษัทรับหมด 100%
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังให้บริการรับซื้อลดตั๋วลูกหนี้การค้าเพื่อส่งออกในวงเงิน
70-90% ของมูลค่าหน้าตั๋ว โดยคิดค่าธรรมเนียมระหว่าง 0.75 - 2.5%
ส่วนเอ็กซิมแบงก์ของอินโดนีเซียชื่อสถาบันจะเหมือนของสิงคโปร์ คือ เป็นบริษัทประกันการส่งออกเป็นของรัฐบาล
100% จุดที่ต่างกับสิงคโปร์ก็ตรงที่
หนึ่ง - ด้านธุรกิจการรับประกันความเสี่ยงจากการส่งออกจะคุ้มครองในวงเงิน
85% และอีก 15% เป็นภาระของผู้ส่งออกเอง ค่าเบี้ยประกันจะอยู่ระหว่าง 0.2
- 0.4% ของมูลค่าหน้าตั๋ว
สอง - ด้านสินเชื่อเพื่อส่งออกจะคุมถึงน้ำมันและก๊าซและสินค้าทุกชนิด โดยมีเงื่อนไขว่า
สินเชื่อเพื่อการส่งออกต้องทำประกันภัยส่งออกก่อน และต้องเป็น PRE - SHIPMENT
เท่านั้น
สำหรับมาเลเซีย ซึ่งก่อตั้งเอ็กซิมแบงก์มาตั้งแต่ 1977 หรือ 14 ปีก่อน ปัจจุบันเป็นของรัฐบาลถือหุ้นในนามธนาคารเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของมาเลเซีย
จะแตกต่างในเรื่องวิธีการดำเนินงานจากเอ็กซิมแบงก์สิงคโปร์และอินโดนีเซียมาก
หนึ่ง - ด้านประกันภัยส่งออกดำเนินงานโดยบริษัทประกันภัยสินเชื่อเพื่อการส่งออกมาเลเซีย
บริษัทนี้จะคุ้มครองความเสี่ยงกรณีผู้ส่งออกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถเรียกเก็บเงินค่าสินค้า
หรือผู้ซื้อยกเลิกสัญญาซื้อขาย ในกรณีเป็นสินค้าทุนจะครอบคลุมความเสียหายเฉพาะในกรณีที่สินค้าทุนนั้นผลิตหรือจัดหาโดยผู้ส่งออกชาวมาเลย์ไม่น้อยกว่า
30% ของมูลค่าตามสัญญา
การคุ้มครองจะมีระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ยกเว้นเป็นสินค้าทุนจะยาวถึง 34
เดือน
สอง - การค้ำประกันสินเชื่อเพื่อการส่งออกแก่แบงก์พาณิชย์จะคลุมถึงทั้งก่อนและส่งมอบและหลังส่งมอบสินค้า
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี และให้การค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขในกรณีผู้ส่งออกที่ทำประกันภัยส่งออกไว้
สาม - ธุรกิจด้านสินเชื่อเพื่อการส่งออกจะอยู่ภายใต้โครงการรับช่วงซื้อลดสินเชื่อเพื่อการส่งออก
วิธีการจะเหมือนกับโครงการแพคกิ้งเครดิตของแบงก์ชาติไทยในสมัยก่อน
จากรูปร่างหน้าตาเอ็กซิมแบงก์ของ 3 ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จะพบว่า กลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุนการส่งออกบางตัว
เช่น การรับช่วงซื้อลดตั๋วส่งออกจะซ้ำกับของไทยที่มีอยู่ในโครงการแพ็คกิ้งเครดิต
จะขาดอยู่ก็แต่เพียงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อการส่งออกและการรับประกันส่งออกเท่านั้น
ที่ไทยยังไม่มีกลไกอันนี้