Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2534
ทำไมคนเมืองกาญจนบุรี จึงคัดค้านสารพิษอย่างไม่รู้จักเหนื่อย             
โดย นฤมล อภินิเวศ โสภิดา วีรกุลเทวัญ สุกรานต์ โรจนไพรวงศ์
 


   
search resources

Kanchanaburi
Environment




ชาวกาญจนบุรีเริ่มมั่นใจว่า สิ่งที่อยู่ในถังบนรถบรรทุกขบวนแล้วขบวนเล่าที่ผ่านเข้ามาในตัวจังหวัดต่อเนื่องกันอย่างผิดธรรมดานั้น คือ กากสารเคมีจากท่าเรือคลองเตยเมื่อตอนสายของวันที่ 22 มีนาคม หลังจากอาสาสมัครกลุ่มหนึ่งกลับมารายงานถึงสิ่งที่ได้พบจากการติดตามขบวนการรถบรรทุกไปจนสุดจุดหมายปลายทาง

บ่ายวันเดียวกัน กลุ่มเอกชนต่าง ๆ ภายในจังหวัดกาญจนบุรียื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้ระงับการขนย้ายสารเคมีเข้าสู่บ้านของตนจากการหารือกันก็ได้ข้อสรุปออกมาเป็นเอกฉันท์ว่า คนกาญจนบุรีไม่ต้องการกากสารเคมี

ในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง ณ ห้องประชุมขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ชาวกาญจนบุรี จึงได้รับการชี้แจงอย่างเป็นทางการถึงเรื่องที่เกิดขึ้นโดยคณะผู้แทนจาก รสช. ซึ่งมีหน้าที่บริหารบ้านเมืองอยู่ในเวลานั้น

คำเรียกร้องให้เป็นผู้เสียสละเพื่อบ้านเมืองและคำขอบคุณที่ร่วมมือในการแก้ปัญหา โดยการรับเอากากเคมีไว้เป็นสิ่งที่สวนกับความรู้สึกของคนกาญจนบุรีที่ได้เข้าฟังการชี้แจง ทว่า 2 เหตุผลนี้กลายเป็นความชอบธรรมที่ประกาศออกมาผ่านสื่อโทรทัศน์หลายช่อง สร้างความเข้าใจกับสาธารณชนวงกว้างว่า เจ้าของบ้านยินยอมพร้อมใจ

จุดนี้เองที่ทำให้ป้ายคัดค้านจำนวนมากมายถูกแขวนขึ้นหน้าบ้านแทบทุกหลังในตัวเมือง

"พวกเราทุกคนมีความเห็นว่า จะต้องแสดงสิทธิเบื้องต้นด้วยการขึ้นแผ่นผ้าคัดค้านสารพิษที่หน้าบ้านแต่ละบ้าน ใส่ข้อความตามที่เจ้าของบ้านคิด พอขึ้นแผ่นผ้าแล้วทางจังหวัดก็ยอมรับว่าเป็นการสร้างความกดดันพอสมควร" ภินันท์ โชติรสเศรณี กรรมการคนหนึ่งของกลุ่มสตรีจังหวัดกาญจนบุรี ผู้เป็นหัวหอกคนสำคัญในการเรียกร้องสิทธิของคนกาญจน์มาโดยตลอด กล่าวกับ "ผู้จัดการ"

แต่การแสดงสิทธินี้ไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ แผ่นผ้าฟ้องร้องเรื่องราวอยู่ไม่ได้นานก็ทยอยหายไปเนื่องจากเจ้าของบ้านบางหลังเกรงกลัวที่จะต้องวางตนเป็นปฏิปักษ์กับผู้มีอำนาจ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยืนยันสิทธิของตน

"การรณรงค์แสดงความเห็นไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย จริง ๆ พูดตามหลักแล้ว ถ้ารู้แต่แรกว่าจะขนมาก็คงจะมีการรณรงค์ไม่ให้มา แต่เมื่อมาแล้วก็ไม่ได้ถึงกับจะยัดเยียดให้ขนไป นั่นเหมือนกับหักด้ามพร้าด้วยเข่า เท่าที่ดูมาแต่บรรพบุรุษถึงปัจจุบันไม่มีทางเป็นไปได้ ก็เลยขอแต่ว่าให้ทำให้ถูกต้อง แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนองเสียที" ภินันท์กล่าวถึงเหตุที่ทำให้ตนและกลุ่มเพื่อนต้องยืนยันที่จะเรียกร้องต่อไป

กรณีของกากสารเคมีถือได้ว่าเป็น "การต่อสู้ครั้งที่ 2" ของชาวกาญจนบุรี ส่วนการต่อสู้ครั้งที่ 1 นั้น เกิดเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน นั่นคือการรณรงค์คัดค้านการก่อสร้างโครงการเขื่อนน้ำโจน

ครั้งนั้นกว่าที่จะได้ในสิ่งที่เรียกร้องต้องการก็ใช้ระยะเวลายืนหยัดนานเช่นเดียวกัน โดยกล่าวได้ว่า ทั้ง 2 กรณีเป็นเรื่องของการไม่ยอมรับสิ่งที่คนภายนอกจะนำเข้ามาสู่เมืองกาญจนบุรี และเป็นการแสดงสิทธิ์ในฐานะคนเป็นเจ้าของบ้าน

แต่ในจุดนี้เองทำให้คนกาญจนบุรีถูกวิจารณ์ว่าแบ่งแยกจังหวัดเกินไป

เพราะวัฒนธรรมของการเคารพสิทธิ์คนพื้นเมืองยังคงไม่ได้หยั่งรากมากพอในสังคมไทย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us