Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2534
นิคม ผลลูกอินทร์ เขาอยู่เบื้องหลังการผลิตเครื่องจักรให้อนามัยภัณฑ์             
 


   
search resources

อนามัยภัณฑ์, บจก.
นิคม ผลลูกอินทร์
Health




การตัดสินใจกลับมาเริ่มงานในประเทศไทยตามคำชักชวนของผู้บริหารบริษัทอนามัยภัณฑ์เมื่อปี 2517 เป็นย่างก้าวที่สำคัญต่อความสำเร็จในเวลาต่อมาของคนชื่อนิคม ผลลูกอินทร์

ในวงการอุตสาหกรรมผลิตผ้าอนามัยไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศชื่อเสียงของนิคมเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะวิศวกรออกแบบ

หลังจากที่เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ นิคมได้เดินทางไปศึกษาต่อยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เวสต์เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกาจนจบชั้นปริญญาตรีซึ่งในช่วงจังหวะที่เรียนจบนั้นเองได้มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นโดยที่นิคมเรียกมันว่าเป็นความบังเอิญ และเป็นความบังเอิญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตตั้งแต่นั้นมา

นิคมเล่าให้ฟังว่า "หลังจากเรียนจบ เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่มหาวิทยาลัยปิดภาคฤดูร้อน ผมกับเพื่อนหนีความเย็นที่เวสท์เวอร์จิเนียมาเที่ยวชายหาดทะเลที่รัฐฟลอริดาพอดีเงินหมดเลยคิดว่าจะหางานทำเล่น ๆ ระยะหนึ่งเพื่อหาเงินใช้จ่ายในช่วงที่พักผ่อนอยู่ที่นั้นแล้วค่อยกลับไปเรียนต่อปริญญาโท บังเอิญมีประกาศรับพนักงานของบริษัท CURT G.JOA ในตำแหน่ง DRAFTSMAN ก็ลองไปสมัครดู แต่ตำแหน่งที่ได้กลับเป็น ENGINEER DESIGN

CURT G. JOA INC. เป็นบริษัทผู้ออกแบบ และสร้างเครื่องจักรผลิตผ้าอนามัยและผ้าอ้อมเด็กที่มีชื่อเสียงอยู่ในกลุ่มชั้นนำของโลก ดังนั้นการที่นิคมซึ่งเป็นคนต่างชาติเพียงคนเดียวที่ได้เข้าร่วมงานในบริษัทแห่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ในความคิดสำหรับนิคมต่อไปอีกแล้ว

นิคมตัดสินใจทำงานที่นั่นโดยไม่กลับไปเรียนต่อตามความตั้งใจเดิม หน้าที่ของจิคมคือการออกแบบเครื่องจักรตามคอนเซปต์ที่บริษัทต้องการในช่วงที่นิคมร่วมงานอยู่กับ CURT G. JOA ก็ได้มีโอกาสรู้จักกับประสิทธิ์ ณรงค์เดช ประธานกรรมการของบริษัทอนามัยภัณฑ์ในฐานะลูกค้ารายหนึ่งของบริษัท ฯ

ครั้งนั้นประสิทธิ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับบริหารเดินทางมาติดต่อซื้อเครื่องจักรผลิตผ้าอนามัยเครื่องที่ 3 จาก CURT G. JOA นิคมซึ่งเป็นคนไทยเหมือนกันจึงถูกมอบหมายจากผู้บริหารบริษัท ฯ ให้ทำหน้าที่ในการต้อนรับลูกค้ารายนี้ เมื่อได้มีการพบปะพูดคุยกัน การทาบทามนิคมให้มาร่วมงานที่บริษัทอนามัยภัณฑ์จึงเกิดขึ้น

นิคมตัดสินใจกลับเมืองไทยและเข้าร่วมงานกับบริษัทอนามัยภัณฑ์ในปี 2517 หลังจากทำงานอยู่กับ CURT G.JOA ได้ 3 ปีในตำแหน่งผู้จัดการโรงงานผลิตผ้าอนามัยเซลล็อกซ์

ในช่วงระหว่างที่นิคมคุมโรงงานผลิตผ้าอนามัยอยู่นั่นเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่วงการอนามัยแข่งขันกันอย่างดุเดือด นิคมจึงได้มีโอกาสใช้ความสามารถที่มีอยู่ในการดัดแปลงเครื่องจักรที่ใช้อยู่เดิมให้เป็นยุทธศาสตร์การตลาดใหม่ของเซลล็อกซ์ในขณะนั้น

และความสำเร็จจากการดัดแปลงเครื่องจักรของนิคมครั้งนี้ได้นำไปสู่การขยายธุรกิจใหม่ให้กับอนามัยภัณฑ์นั่นคือการเปิดแผนก MRD (MACHINERESEARCH &DEVELOPMENT) ในปี 2521 เพื่อผลิตเครื่องจักรขาย

"หลังจากที่ผมดัดแปลงเครื่องจักรของโรงงานเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ก็มีฝรั่งซึ่งรู้จักกับผู้บริหารที่นี่ได้มาวานให้ไปทำเครื่องให้ ทำต่อเนื่องมาเรื่อย ผมเห็นว่ามันน่าจะออกแบบขายได้จึงได้เสนอแนวคิดในการตั้งแผนก MRD ขึ้นมา" นิคมย้อนถึงความเป็นมาในการตั้งแผนกผลิตเครื่องจักรที่มีเขาเป็นตัวจักรสำคัญ

นิคมได้นำเอาประสบการณ์จากการออกแบบเครื่องจักรเมื่อครั้งที่ทำงานอยู่กับ CURT G. JOAมาใช้ในการสร้างเครื่องจักรให้กับ MRD ซึ่งในระยะแรกเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นมาจะเป็นเครื่องจักรสำหรับผลิตผ้าอนามัย โดยเป้าหมายมุ่งไปที่ตลาดต่างประเทศเป็นหลัก

นิคมอธิยายว่าการที่ต้องมุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศแทนที่จะผลิตขายในประเทศก่อนนั้นเป็นเพราะตลาดภายในประเทศค่อนข้างเล็ก และที่สำคัญก็คือ ชื่อเสียงของนิคมในฐานะผู้ออกแบบเครื่องจักรให้กับ CURT G. JOA สำหรับตลาดต่างประเทศแล้วน่าจะได้รับการยอมรับมากกว่า

จีนเป็นประเทศแรกที่นิคมออกแบบเครื่องจักรผลิตผ้าอนามัยขายให้เป็นเครื่องแรกหลังจากนั้นไม่นานเครื่องต่อ ๆ มาก็เริ่มทยอยออกสู่ตลาดในประเทศแถบเอเชียเช่น อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ จนกระทั่งปัจจุบันสามารถขยายตลาดครอบคุมทุกประเทศในเอเชียยกเว้นเกาหลี ญี่ปุ่นและบรูไน และกำลังจะขยายตลาดไปตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ และแอฟริกา

หลังจากที่เครื่องผลิตผ้าอนามัยของ MRD เริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศแล้ว นิคมจึงหันเข้ามาเปิดตลาดเครื่องจักรในประเทศเช่นเดียวกับการขยายกำลังการผลิตและการออกแบบเครื่องจักรบรรจุผลิตภัณ์ขึ้นพร้อมกันไป ซึ่งในส่วนนี้ นอกเหนือจากการผลิตขายเองแล้วยังรับจ้างผลิตให้กับบริษัทอื่นด้วย โดยมีบริษัทจาคอบ ไวท์ของอังกฤษเป็นลูกค้ารายใหญ่ในปัจจุบัน

นิคมกล่าวว่า "เหตุผลสำคัญที่ทำให้เครื่องจักรของ MRD ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตสินค้าในต่างประเทศก็คือคุณภาพของสินค้าทัดเทียมกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรรายใหญ่ของโลก ในขณะที่ราคาถูกกว่า 25% โดยประมาณ เราเน้นที่การออกแบบให้เครื่องจักรได้ใช้ประโยชน์ในการผลิตได้มากกว่า 1 แบบ และการออกแบบเครื่องเราจะออกแบบเผื่อไว้ในอนาคตถึง 5 ปี ในกรณีที่มีการพัฒนาอะไรใหม่ ๆ ออกมาเครื่องจักรนั้นสามารถที่จะดัดแปลงหรือเพิ่มเติมบางส่วนเข้าไปเพื่อให้เครื่องจักรเครื่องนั้นใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"

ปัจจุบันเครื่องจักรที่แผนก MRD ออกแบบและผลิตแบ่งตลาดออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนแรกเป็นเครื่องจักรผลิตผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้แก่เครื่องจักรผลิตผ้าอนามัย เครื่องจักรผลิตผ้าเย็น เครื่องจักรผลิตผ้ารองกันเปื้อนเพื่อใช้ในโรงพยาบาล และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการผลิตเครื่องจักรผลิตผ้าอ้อมเด็กอีกด้วย อีกส่วนหนึ่งเป็นการผลิตเครื่องจักรบรรจุผลิตภัณฑ์ และตลาดเครื่องจักรดังกล่าวส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดต่างประเทศถึง 70% ในขณะที่ผลิตขายในประเทศเพียง 30% เท่านั้น

นิคมเข้ามาร่วมงานกับอนามัยภัณฑ์ปีนี้เป็นปีที่17แล้วความสามารถของเขาพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดจากการเติบโตของแผนก MRD ที่มียอดขายในปีแรกเพียง 10 ล้านบาทมาอยู่ในระดับ 70-80 ล้านบาทอย่างปัจจุบัน

แต่อะไรคงไม่สำคัญเท่ากับความภูมิใจที่นิคมได้รับในฐานะคนไทยที่ผลิตเครื่องจักรขายให้กับต่างประเทศ และนี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นิคมไม่คิดจะปลีกตัวออกจากอนามัยภัณฑ์นอกเหนือไปจากผลตอบแทนที่ได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us