|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซิตร้า เปิดเกมรุกทุ่ม 80 ล้านบาท ปรับ 2 สูตรใหม่ทั่วเอเชียในรอบ 4 ปี ชูส่วนผสม "ผงไข่มุก" ยกอิมเมจสู่เอเชียนแบรนด์ ด้วยจุดขาย "เอเชียน เนเชอรัล ซีเคร็ท" บุกตลาดผิวขาว พร้อมเข็นแพคเก็จจิ้งชนิด "ซอง" กระตุ้นผู้บริโภคใช้บอดี้โลชั่นเพิ่มขึ้น จากตอนนี้ที่มีผู้ใช้อยู่ 78% การพลิกโฉมครั้งนี้ ซิตร้าหวังสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ ตอกย้ำผู้นำด้วยแชร์ 23%
ในตลาดบอดี้โลชั่นมูลค่า 4,500 ล้านบาท ยูนิลีเวอร์เป็นผู้นำที่ครองส่วนแบ่งสูงถึง 45% ตามมาด้วยค่ายไบเออร์สด๊อรฟ 21% นับว่าเป็นตัวเลขที่มีระยะห่างเป็นเท่าตัว ทว่า หากพิจารณาแยกตามแบรนด์แล้ว จะเห็นว่า 45% ของค่ายลีเวอร์ฯนั้นมาจาก แบรนด์ซิตร้า 23% กับ แบรนด์วาสลีน 22% ขณะที่ นีเวีย คือ แบรนด์เดียวจากไบเออร์ฯที่เข้ามาคว้าส่วนแบ่ง 21% และนี่คือ ผู้เล่นหลักในตลาด อันดับ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ
จากตัวเลขที่ใกล้กัน ชนิดที่ยืนหายใจรดต้นคอเช่นนี้ ส่งผลให้การช่วงชิงพื้นที่ผิวกายทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้ไม่จำกัดเฉพาะหน้าหนาวที่เป็นฤดูการขายหลักอีกต่อไป
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว ค่ายยูนิลีเวอร์ที่อยู่ในฐานะผู้นำตลาดจึงต้องเร่งขยายฐานและสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้ง 2 แบรนด์ โดยเฉพาะ แบรนด์ซิตร้า ที่แม้จะเป็นเบอร์ 1 ในตลาดบอดี้โลชั่น แต่จากส่วนแบ่งที่นำคู่แข่งเพียง 1 - 2 ก้าวเท่านั้น ทำให้โอกาสล่วงจากบัลลังก์จึงเป็นไปได้สูง
ล่าสุด การปรับสูตรครั้งใหญ่ของ ซิตร้า ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในรอบ 4 ปีทั่วเอเชีย ที่การันตีด้วยเม็ดเงินกว่า 80 ล้านบาท สำหรับการรีลอนช์ 2 สูตรใหม่ในประเทศไทย (จากทั้งหมดจำนวน 4 สูตร) คือ ซิตร้า ลาสติ้ง ไวท์ ยูวี บอดี้โลชั่น (สีชมพู) สำหรับสาวผิวขาว และ ซิตร้า ลาสติ้ง ไวท์ ยูวี เอ็กซ์ตร้า บอดี้โลชั่น (สีส้ม) สำหรับสาวผิวค่อนข้างคล้ำ
สำหรับ การรีลอนช์โปรดักส์ใหม่ 2 สูตรดังกล่าว นอกจากโพซิชันนิ่งการเป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเช่นเดิมแล้ว ไฮไลต์การปรับสูตรครั้งนี้ยังอยู่ที่ "ผงไข่มุกบริสุทธิ์จากจีน" ส่วนผสมที่ซิตร้ายกมาเป็นจุดขาย ภายใต้คอนเซ็ปต์การบำรุงผิวในแบบฉบับของคนเอเชียโดยเฉพาะ หรือ เอเชียน เนเชอรัล ซีเคร็ท (Asian Natural Secret) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้แบรนด์มีความแข็งแกร่งและสามารถเจาะตลาดในภูมิภาคเอเชียได้ดียิ่งขึ้น
"ซิตร้า เป็นแบรนด์ที่กระจายอยู่ในแถบเอเชีย ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับส่วนผสมของตัวโปรดักส์ ซึ่งไข่มุกจะทำให้ซิตร้าดูพรีเมียมและมีความเป็นเอเชียนมากขึ้น" เป็นคำกล่าวของ ผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและทำความสะอาดผิว บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด
ก่อนหน้านี้ ซิตร้า เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ถูกผลิตขึ้นมา ภายใต้จุดขายที่ต้องมีส่วนผสมจากธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้ลงลึกไปว่าจะต้องเป็นส่วนผสมที่สื่อภาพความเป็นเอเชีย เริ่มตั้งแต่ สูตรคลาสสิค ที่ตอนนี้พัฒนามาเป็น สูตรสมูทแอนด์โกลว์ (สีทอง) จะมีขมิ้นและน้ำนมเป็นส่วนผสม สูตรเอ็กซ์ตร้า นอริชชิ่ง ยูวี ไวท์ โลชั่น" (สีม่วง) มีส่วนผสมของ เชียร์ บัทเตอร์ ที่สกัดจากพืชแอฟริกา ส่วนสูตรยูวีไวท์ (สีชมพู) และ สูตรเอ็กซ์ตร้า ไวท์ (สีส้ม) 2 ตัวที่ทำการปรับสูตรล่าสุด เดิมค่ายนี้จะชูตัวคาร์โมมายด์เป็นจุดขาย
จะเห็นว่าที่ผ่านมาส่วนผสมที่ซิตร้าหยิกยกมาเป็นจุดขายนั้น ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่คุณสมบัติเพื่อตอบโจทย์การดูแลผิวให้กับผู้บริโภคเท่านั้น ต่างจากการพรีเซนต์ในรอบนี้ ที่ซิตร้าต้องการยกระดับอิมเมจตนเอง พร้อมถ่ายทอด message การเป็นบอดี้โลชั่นเพื่อสาวเอเชียโดยเฉพาะ และเพื่อให้สะดุดตาผู้บริโภคยิ่งขึ้น ลีเวอร์ฯได้มีการแต่งหน้าตาบรรจุภัณฑ์ภายนอกให้ดูทันสมัย โดยคงรูปแบบขวดเดิมแต่ทำการปรับกราฟฟิกจากรูปดอกไม้มาเป็นรูปไข่มุก เพื่อตอกย้ำถึงส่วนผสมที่นำมาเป็นจุดขายอีกด้วย
การเลือกปูพื้นให้ ซิตร้า แข็งแกร่งและดูเป็นเอเชียนแบรนด์ในครั้งนี้ เป็นไปได้ว่า ยูนิลีเวอร์ต้องการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ซิตร้าให้ดูดียิ่งขึ้น โดยไม่ทับซ้อนกับแบรนด์วาสลีน ที่มีโพซิชันนิ่งเป็นบอดี้โลชั่นระดับพรีเมียมกว่าเพื่อเจาะลูกค้าสาวทำงานในกรุงเทพฯเป็นหลัก ขณะที่ซิตร้าจะจับกลุ่มเด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป และเน้นตลาดต่างจังหวัดเป็นหลักมีสัดส่วนราว 70%
ทั้งนี้ ลีเวอร์ฯเคยปรับโฉมวาสลีนครั้งใหญ่ในรอบ 8 ปีไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยคอนเซ็ปต์ "อัศจรรย์ของผิวสุขภาพดี" พร้อมเปิดตัวโลชั่นที่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมด 4 สูตร ประกอบด้วย วาสลีน โททอล มอยซ์เจอร์ ดราย สกิน โลชั่น (สีเหลือง) , วาสลีน แอดวานซ์ ฮีลลิ่ง สกิน โปรเทคแทนต์ โลชั่น (สีฟ้า) , วาสลีน เฮลธี้ ไวท์ ยูวี โปรเทคชั่น โลชั่น (สีชมพู) และ วาสลีน โททอล เอจ ดีเฟนส์ เอ็กซ์ตร้า มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง โลชั่น (สีม่วง) โดยเป็นการคัดเลือกให้เหมาะกับผิวคนไทยจากจำนวนสูตรทั้งหมดที่ลอนช์ในอเมริกา ซึ่งการเปิดตัวครั้งนั้นจะมี 2 สูตรที่วาสลีนนำมาเป็นหัวหอกในการบุกตลาด คือ สูตรสีเหลือง และ สูตรสีฟ้า เนื่องจากเป็นสูตรดั้งเดิม และสูตรพิเศษที่มีจุดเด่นเพิ่มมอยซ์เจอร์ไรเซอร์มากเกือบ 2 เท่า ที่เหมาะกับการบำรุงผิวช่วงฤดูหนาวโดยเฉพาะ
เช่นเดียวกับ การรีลอนช์ของซิตร้ารอบนี้ จะเห็นว่า ลีเวอร์ฯเลือกจะเปิดตัว ซิตร้า ลาสติ้ง ไวท์ ยูวี บอดี้โลชั่น (สีชมพู) และ ซิตร้า ลาสติ้ง ไวท์ ยูวี เอ็กซ์ตร้า บอดี้โลชั่น (สีส้ม) ขณะที่อีก 2 สูตรที่เหลือจะทำการเปิดตัวภายหลัง ที่เป็นเช่นนี้เพราะจากตลาดบอดี้โลชั่นมูลค่า 4,500 ล้านบาท ไวท์เทนนิ่ง เป็นเซกเมนต์ที่มีสัดส่วนมากสุด 49% รองลงมาเป็นกลุ่มเบสิกแคร์ 42% และกลุ่มแอดวานซ์ เบเนฟิต 9% โดยในเซกเมนต์ไวท์เทนนิ่งที่มีมูลค่า 2,200 ล้านบาท ซิตร้า เป็นผู้นำครองส่วนแบ่ง 38% รองลงมาคือ นีเวีย 23% วาสลีน 19% ขณะที่การสำรวจความต้องการของสาวไทยจำนวน 1,000 คน พบว่า อยากมีผิวขาวขึ้น โดย 76% ต้องการผิวกระจ่างใส เปล่งประกาย และ 73% ต้องการสีผิวสม่ำเสมอ
ไม่เพียงเท่านี้ จากการเป็นสินค้าที่มีฤดูการขายอยู่ในช่วงหน้าหนาวเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนราว 40% จากยอดขายทั้งปี ซึ่งเป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่พบว่า ตอนนี้มีผู้ใช้บอดี้โลชั่นประมาณ 78% โดยในส่วนนี้จะซื้อใช้เฉพาะช่วงหน้าหนาว 50% ส่วนกลุ่มที่จะไม่ใช้โลชั่นทาผิวช่วงหน้าร้อนมีสัดส่วน 10 - 15% ส่งผลให้ครีมทาผิวจึงยังเป็นสินค้าซีซันนัล ที่ค่อนข้างถูกจำกัดฤดูกาลขาย
จึงเป็นเหตุผล ที่ทำให้ซิตร้าเลือกลอนช์สูตรไวท์เทนนิ่ง หรือเพื่อผิวขาวก่อนในช่วงเวลานี้ ขณะที่สูตรบำรุงผิวทั่วไป (สีทอง) และสูตรสำหรับผิวแห้ง (สีม่วง) คาดว่าน่าจะออกมาสร้างสีสันในช่วงหน้าหนาวที่เป็นฤดูการขายหลักของบอดี้โลชั่น เนื่องจาก 2 สูตรดังกล่าว จะเน้นตอบโจทย์การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวแห้งมาก เห็นได้จากการสื่อสารกับผู้บริโภคที่ผ่านมา เช่น การใช้แพท-ณปภา เมื่อ 2 ปีก่อน เป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมจัดกิจกรรมแจก "ชุดทดสอบสภาพผิวจากซิตร้า" ที่ประกอบด้วยถุงน่องทดสอบสภาพผิว และผลิตภัณฑ์ซตร้า เอ็กซ์ร้า นอริชชิ่ง ยูวี ไวท์ โลชั่น (สีม่วง) แบบซอง กว่า 500,000 ซอง โดยเป็นกิจกรรมที่จัดต่อจากแคมเปญ "เช็คกับฟิล์ม" โดยมีฟิล์ม รัฐภูมิ เป็นพรีเซนเตอร์ ตามมาด้วยการใช้ลอนช์ภาพยนตร์โฆษณาชุด "ผีหลอก" ที่สื่อถึงผิวที่ลอกเพราะอากาศหนาว โดยมีดาราสาวแพนเค้ก-เขมนิจ เป็นพรีเซนเตอร์
กลับมาที่ การทำตลาดนอกฤดูการขายอย่างหน้าร้อนและหน้าฝน ที่เริ่มมีให้เห็นและสร้างสีสันได้แพ้กัน จะเห็นว่าก่อนเปิดตัว 2 สูตรล่าสุด ซิตร้าได้ส่งหนังโฆษณาชุดหมีแพนด้า ที่มีแพนเค้กมาทำหน้าที่ส่ง message การมีสีผิวที่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นความต้องการอีกข้อหนึ่งของบรรดาสาวในยุคนี้ โดยจัดกิจกรรม ซิตร้า ท้าพิสูจน์ ผิวดูขาวทั่วไม่กลัวดำ เดินสายแจกชุดทดสอบยูวีจำนวน 2 แสนชิ้นสร้างความมั่นใจให้สาวทั่วประเทศ ส่วนแบรนด์ค่ายเดียวกันอย่างวาสลีน พยายามฉีกแนวด้วยการส่งสูตรอโล คูล แอนด์ เฟรช (สีเขียว) ที่ชูเรื่องไม่เหนียวเหนอะหนะและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ขณะที่นีเวียก็หันมาสื่อสารเรื่องการปกป้องผิวที่ไวต่อแดดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การรุกตลาดอย่างจริงจังที่เริ่มมีให้เห็นกันทั้งปี นอกจากการขยายฐานสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ตนเองแล้ว จะเห็นว่าผู้เล่นในตลาดยังต้องการเอ็ดดูเคตและปรับพฤติกรรมสาวไทยให้หันมาใช้โลชั่นบำรุงผิวทุกๆวัน วรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า เรายังต้องการให้ลูกค้ามีพฤติกรรมการใช้โลชั่นทาทุกวันทั้งตัว ไม่ใช่การทาเฉพาะจุด เพราะจากการสำรวจพบว่า คนที่ใช้โลชั่นทาทั้งตัวมีเพียง 40% ส่วน 60% จะเลือกทาเฉพาะจุด ซึ่งแขน และขาเป็นจุดที่เลือกทามากที่สุด โดยปัจจุบันนี้ลูกค้าที่ใช้โลชั่นทุกวันและทาทั้งตัวมีเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งนับว่ายังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก
นอกจาก การสื่อสารผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด "Secret Weapon" และการแจกสินค้าตัวอย่าง 5 แสนชิ้นทั่วประเทศแล้ว กลยุทธ์ที่ซิตร้าใช้เป็น Tool ในการเข้าถึงผู้บริโภคและเพิ่มความถี่การทาโลชั่น คือ สินค้าชนิดซองขนาด 9 มล. ผู้บริหารยูนิลีเวอร์ บอกว่า จะเป็นแพคเก็จจิ้งที่จะช่วยผลักดันให้คนใช้โลชั่นทาตัวมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด ซอง จะเป็นตัวพัฒนาพฤติกรรมให้ผู้บริโภคต่อยอดไปสู่ขนาดอื่นที่ใหญ่ขึ้น ที่มีให้เลือก 5 ขนาด คือ 9 มล. 50 มล. 150มล. 250 มล. และ 400มล. วางราคาที่ 5 บาท 28 บาท 59 บาท 109 บาท และ 145 บาทตามลำดับ โดยขนาดที่ขายดีสุด คือ 150 มล. และ 400 มล. มีสัดส่วนอย่างละ 35% รองลงมาคือ 50 มล. 20% ส่วนที่เหลือ 10% คือ ขนาด 9มล. และ 250 มล.
ทั้งนี้ สินค้ารูปแบบซอง ซิตร้ามีการลอนช์ออกมาประมาณ 1-2 ปี โดยเป็นการต่อยอดมาจากสินค้าแบรนด์พอนด์สที่มีการลอนช์สินค้าแบบซองมาราว 3 ปี ซึ่งพบว่าสามารถเจาะตลาดและเพิ่มความถี่การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าได้มากขึ้น โดยซิตร้าถือเป็นแบรนด์แรกที่ลอนช์สินค้าแบบซองในตลาดบอดี้โลชั่น และตอนนี้ก็มีการจัดโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มปริมาณเป็น 14 มล. ในราคา 5 บาท ซึ่งค่ายนี้มั่นใจจะสามารถทะลวงตลาดได้ดีไม่แพ้ครีมบำรุงผิวหน้า
การเปิดเกมรุกครั้งนี้ เป้าหมายของซิตร้าคงอยู่ที่การยกระดับและสร้างความแข็งแกร่งภายใต้คอนเซ็ปต์เอเชียนแบรนด์ พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเพิ่มความถี่การใช้โลชั่นของผู้บริโภค เพื่อผลักดันการเติบโตของตลาดรวม นอกเหนือจากการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้กับตนเองเท่านั้น
|
|
|
|
|