วันที่ 8 เดือน 8 เป็นฤกษ์เปิดตัวของยักษ์ก๊าซผู้ดีอังกฤษหลังจากเก็บตัวรอจังหวะมาพักใหญ่….!
บริติชแก๊สสำหรับอังกฤษโด่งดังมากทางธุรกิจแก๊ส พีแอลซี เรียกว่าเป็นบริษัทก๊าซที่ใหญ่ที่สุดนอกสหภาพโซเวียต
เดิมทีบริติชแก๊สเป็นรัฐวิสาหกิจ และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อปี
2529 และเป็นสมาชิกในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ขณะนี้มีผู้ถือหุ้นร่วม 2.3 ล้านราย
ปัจจุบันเป็นผู้จัดจำหน่ายและขนส่งก๊าซธรรมชาติให้ลูกค้าทั้งภาคอุตสาหกรรมพาณิชย์รวมไปถึงครัวเรือนรวม
18 ล้านรายในอังกฤษ และยังเน้นทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับก๊าซทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจการผลิตก๊าซและน้ำมันทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
ตลอดจนธุรกิจผลิตไฟฟ้า
เมื่อบริติชแก๊สแปรรูปมาเป็นเอกชนเต็มรูปแบบแล้วก็ได้ขยายกิจการออกสู่ตลาดโลกอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่การจัดส่งก๊าซด้วยการเข้าไปถือหุ้นใน "คาตาลานาเดอ แก๊ส"
บริษัทจัดส่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในสเปน 10% หรือเทกโอเวอร์ "คอนซูเมอร์ส
แก๊ส" บริษัทส่งก๊าซรายใหญ่ที่สุดของแคนาดาในมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญ
หรือไปร่วมทุนใน "แก๊สแฟซอร์กุงซาคเซน อันฮาล์ท" ในเยอรมนี 24
%
จากนั้นก็เปิดแนวรบธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าครั้งใหญ่หลังจากที่ได้ร่วมกับยูทิลิคอมโฮลดิ้งส์
ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ "ซิติเจน" เพื่อมุ่งงานก่อสร้างและดำเนินกิจการโรงงานผลิตพลังงานความร้อนร่วมกับกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ในเมืองสำคัญๆ
พร้อมทั้งประกาศตั้ง "แก๊ส เวนเจอร์ แอดไวเซอร์ส" ให้เป็นบริษัทที่รับผิดชอบการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวงเงิน
200 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 5,000 ล้านบาทโดยประมาณ
นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจการให้คคำปรึกษาและจัดการโครงการเกี่ยวกับก๊าซตลอดจนการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังประเทศต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นอิตาลี ตุรกี อินเดีย และอินโดนีเซีย
สำหรับอินโดนีเซีย บริติชแก๊สได้ส่งวิศวกรเข้าไปช่วยด้านการจัดการแก่บริษาทก๊าซท้องถิ่นตั้งแต่ปี
2529
ขณะที่ไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาและมีการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
ดังที่จอร์จ แลงชอว์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายโกลบัล แก๊สของบริติชแก๊สกล่าวในวันงาน
ซึ่งบินมาเปิดตัวบริษัทพร้อมกับโฮเวิร์ด ดาลตัน กรรมการฝ่ายสำรวจและผลิตด้วยตนเองที่โรงแรมฮิลตัน
อินเตอร์เนชั่นแนล ท่ามกลางเพื่อนผู้ค้าก๊าซและเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของรัฐอย่างคับคั่ง
รวมไปถึงลิปปนนท์ เกตุทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย
บริติชแก๊สรุกเข้ามาในธุรกิจสำรวจและผลิตก๊าซในไทยอย่างเงียบๆ และได้สิทธิร่วมพัฒนาแปลงสัมปทานสำคัญในอ่าวไทย
2 แหล่ง คือ แปลงสำรวจ 5/27 อยู่นอกฝั่งทะเลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นแปลงสัมปทานที่ใหญ่ที่สุดแปลงหนึ่งด้วยการรวมทุนกับบริษัทปตท.สผ.ของไทยในสัดส่วน
50 ต่อ 50 เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
แปลงสัมปทานนี้ครอบคลุมพื้นที่ 15,554 ตารางเมตร กำลังอยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูลเตรียมโครงการขุดเจาะขนาดใหญ่ต่อไป
โดยคาดว่าจะเริ่มสำรวจหลุมแรกในปีหน้า
แหล่งที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งคือ แหล่งก๊าซบงกชมีปริมาณก๊าซสำรองกว่าหนึ่งล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
โดยบริติชแก๊สได้เข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อน ด้วยการเข้าถือหุ้น
20 % ปตท.สผ. 40 % โทเทิล 30 % และสเตทออยล์ 10 % ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตก๊าซและส่งขายป้อนโรงแยกก๊าซขนองปตท.ได้ในปี
2536
สำหรับกิจการของบริติชแก๊สในไทยมีจี.ดี.(เคลลีเป็นผู้จัดการทั่วไป รับบทรรุกธุรกิจก๊าซในไทย
เมื่อมีโอกาส บริติชแก๊สก็ไม่รอช้า เมื่อทางบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด
(ททีโอซี) เปิดให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการสร้างระบบไฟฟ้าสำรองที่จะป้อนให้กับทีโอซีและโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีระยะที่
2 ทั้งหมด บริติชแก๊สก็ร่วมวงด้วยทันที
งานนี้มีบริษัทเอนรอนเสนอตัวเข้าชิงด้วย แต่เสนอในขนาดใหญ่ขนาด 300-400
เมกะวัตต์ซึ่งสูงกว่าความต้องการของโรงงานปิโตเคมีทั้งหมดที่ต้องการเพียงประมาณ
150 เมกะวัตต์ จึงถูกบอกปัดข้อเสนอไป
ตอนหลังมีบริษัทมิสชั่นเอนเนอยีเสนอเข้ามาในขนาด 180 เมกะวัตต์ ขณะที่บริติชแก๊สเสนอขนาด
150 เมกะวัตต์ ซึ่งใกล้เคียงความต้องการที่สุด และจะนำระบบ CO-GENERATION
เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการผลิตสูงสุดมาใช้เป็นแห่งแรก
โดยบริติชแก๊สเสนอจะผลิตไฟและไอน้ำให้กับทีโอซีและโรงงานปิโตรเคมีได้ตั้งแต่ปี
2537 คิดค่าไฟ2.44 บาทต่อกิโลวัตต์ ค่าไอน้ำ 444 บาทต่อตัน และจะปรับตามอัตราเงินเฟ้อ
ถือเป็นระดับราคาที่จะถูกกว่าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่น้อยกว่า 10 % สอดคล้องกันนโยบายที่ทางรัฐบาลจะให้เอกชนมาลงทุนโรงไฟฟ้าเพื่อให้มีการแข่งขันมากขึ้รในอนาคต
บริติชแก๊สจึงกลายเป็นตัวเต็งที่จะเป็นผู้ชนะในการสร้างโรงไฟฟ้าสำรองที่นี่
"เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าบริติชแก๊สจะได้ เพราะเงื่อนไขและสเปกตรงมากที่สุด"
แหล่งวงการปิโตรเคมีกล่าว
ทั้งจอร์จ แลงชอร์และจี.ดี.(ดอน) เคลลี ต่างยิ้มแก้มปริและตอบด้วยเสียงเดียวกันว่า
"ตอนนี้รอทางทีโอซีเรียกไปเจรจา ยังไม่มีอะไรยืนยันแน่นอน แต่ถ้าได้เรียกว่าวิเศษไปเลย"
แน่ละ…เพราะนั่นหมายความว่า บริติชแก๊สเริ่มย่างเข้ามายึดหัวหาดธุรกิจโรงไฟฟ้าเอกชน
ธุรกิจที่ตัวเองถนัดได้ก่อนใครอื่น…!