เบียร์ช้าง ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลให้สำนักงาน
ก.ล.ต. พิจารณาภายในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเสนอขายหุ้นประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) ภายในปีนี้
เพื่อเป็น บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่คาดมาร์เกตแคปจะประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
เป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่สุดปัจจุบัน ขณะนี้กำลังปรับโครงสร้างบริษัทในเครือกว่า
20 แห่ง เพื่อรวมกลุ่มจดทะเบียนพร้อมกัน หวังเป็นอีกแม่เหล็กดึงเงินต่างชาติเข้าตลาดหุ้นไทย
นอกจากการท่าอากาศยาน การบินไทย และธนาคารกรุงไทย ที่พร้อมเดินหน้าเข้าตลาดฯ ปลายปีนี้
ท่ามกลางแนวโน้มฝรั่งยังเดินหน้าเพิ่มพอร์ตลงทุนตลาดหุ้นไทยโดยรวม ที่ยังมีเสน่ห์เพราะเศรษฐกิจแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
แหล่งข่าวฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เมอร์ริล ลินช์ ภัทร ในเครือกลุ่มเมอร์ริล ลินช์
จากแดนมะกัน ในฐานะที่ปรึกษาการเงินนำบริษัทเบียร์ช้างจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ไทย
(1991) ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง กล่าวว่าขณะนี้ บริษัทเตรียมพร้อมเพื่อจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากกว่า
50% แล้ว โดยปรับโครง สร้างบริษัทใหม่หมด
ปรับโครงสร้างเครือ 20 บริษัท
ปัจจุบัน กลุ่มเบียร์ช้างมีบริษัทในเครือประมาณ 20 บริษัท และปรับปรุงงบการเงินย้อนหลัง
2-3 ปีใหม่หมด ทำให้อยู่ในรูปแบบ มาตรฐานเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การนำบริษัทเบียร์ช้างจดทะเบียน
จะนำเข้าทั้งกลุ่ม จะไม่จัดรูปแบบบริษัทโฮลดิ้ง ปัจจุบันทุนจดทะเบียนยังไม่สามารถกำหนดว่าจะมีเท่าใด
เพราะอยู่ระหว่างจัดโครงสร้างใหม่
วัตถุประสงค์การระดมทุนบริษัทจะนำเงินใช้ขยายธุรกิจส่วนใหญ่ รวมถึงปรับโครงสร้างทุน
ให้เหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ เพราะเบียร์ช้างหนี้น้อยมาก
เบื้องต้น การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ บริษัทน่าจะซื้อขายกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
หวังเป็นอีกแม่เหล็กดูดเงินต่างชาติ
เขากล่าวว่า หากบริษัทเบียร์ช้างเข้าไปซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ จะส่งผลดีความสนใจนักลงทุนต่างชาติ
ลงทุนตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นที่รู้จักของนักลงทุนต่างชาติอย่างดี
โอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยอีกจะเกิดขึ้น
3 รัฐวิสาหกิจยังจ่อคิว
อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะรับหน้าที่แกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายบริษัทประมาณ
3-4 แห่ง เพื่อกระจายหุ้นขายประชาชน จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจ
เช่น บริษัท การบินไทย ธนาคารกรุงไทย ที่จะกระจายหุ้นเพิ่มเติม (พีโอ) ขณะที่การท่าอากาศยานไทย
จะกระจายหุ้นใหม่ (ไอพีโอ)
แม้จะมีบริษัทขนาดใหญ่ระดมทุนในตลาดหุ้นไทย เชื่อว่ายังมีเงินที่จะเข้าลงทุนอีกมาก
ซึ่งการที่ดอกเบี้ยต่ำ จนกระทั่งดอกเบี้ยเงินฝากแท้จริงหลังหักเงินเฟ้อติดลบแล้วปัจจุบัน
ทำให้คนส่วนใหญ่ ต้องสนใจการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแต่นักลงทุนในประเทศเท่านั้น
ฝรั่งยังพร้อมขนเงินลงทุนหุ้นไทยเพิ่ม
เงินนักลงทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง จากการสำรวจความสนใจนักลงทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นไทย
ของบริษัทหลักทรัพย์เมอร์ริล ลินซ์ บรรดาประเทศ ตลาดฯ เกิดใหม่ (Emerging markets)
ตลาด หุ้นไทยขณะนี้ น่าสนใจสูงสุด ทำให้นักลงทุนต่างชาติเพิ่มน้ำหนักการลงทุน และเงินต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่องช่วง
1-2 เดือนที่ผ่านมา กว่า 2 หมื่นล้านบาท
ทางด้านนายอุดมศักดิ์ ชาครียวณิช กรรม การผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์แอสเซทพลัส
กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มดี ระดับดัชนีกำลังเดินหน้าทะลุ 500 จุด ปัจจัยสนับสนุน
เนื่องจากอัตราเติบโตเศรษฐกิจระดับ 5% ต่อปีทั่วโลก ปัจจุบันไม่ถึง 10 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
แม้จีนจะมีอัตราเติบโตเศรษฐกิจสูงก็จริง แต่เนื่องจากขยายตัวต่อเนื่อง มาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว
ส่วนประเทศไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นมากกว่า ทำให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในไทยมากกว่า