Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 กรกฎาคม 2551
ตลาดหุ้นไทยไร้จุดดีดกลับ ต่างชาติขายต่อ-ขาดปัจจัยบวกกระตุ้น             
 


   
search resources

ภัทรียา เบญจพลชัย
Stock Exchange




นักลงทุนต่างชาติทิ้งหุ้นไทยอีกกว่า 3 พันล้านบาท ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่นักลงทุนในประเทศชะลอการซื้อขายรอผลตัดสินคดีใบแดง "ยงยุทธ ติยะไพรัช" ด้าน "ภัทรียา" หวังความชัดเจนทางการเมืองจะช่วยสร้างความมั่นใจดึงนักลงทุนกลับเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง ส่วน "ก้องเกียรติ" ยันไม่มีผลต่อตลาดหุ้น เหตุผลการตัดสินของศาลฎีกาเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โบรกเกอร์ ท้อใจตลาดหุ้นไทยยังหาจุดฟื้นตัวไม่เจอ เพราะไร้ปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (9ก.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง มูลค่าการซื้อขายเบาบางได้รับแรงกดดันการเมืองในประเทศพิจารณาคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคพลังประชาชน รวมถึงตลาดหุ้นต่างประเทศร่วงระนาวจากวิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่อาจจะบานปลายรอบใหม่ จนส่งผลให้สถาบันการเงินสหรัฐฯ ต้องระดมทุนครั้งใหญ่

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 719.51 จุด สูงสุด 728.61 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับ 722.50 จุด ลดลงจากวันก่อน 8.06 จุด หรือ 1.10% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 6 เดือน มูลค่าการซื้อขาย 11,325.42 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 5.70 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิออกมาจำนวนมากถึง 3,194.39 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,030.65 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,163.75 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มูลค่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาลดลงต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนในประเทศมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนทางปัจจัยทางการเมือง โดยเฉพาะวานนี้ (8 ก.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้พิจารณาคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ซึ่งอาจจะขยายวงสู่การยุบพรรคพลังประชาชนด้วย

ขณะเดียวกัน ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ ยังจะมีการพิจารณาคดีทางการเมืองอีกหลายคดี หากปัจจัยทางการเมืองดังกล่าวมีความชัดเจนไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน จะผลดีต่อการลงทุน เพราะนักลงทุนชอบความชัดเจน ทำให้สามารถที่จะประเมินการลงทุนได้ดีกว่า

"นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิต่อเนื่อง แต่นักลงทุนในประเทศมีแรงซื้อต่อเนื่องเช่นกัน แต่ในช่วง 2-3 วันนี้ นักลงทุนในประเทศมีการชะลอการลงทุนจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ที่จะมีการพิจารณาคดี ทำให้นักลงทุนบางส่วนหนึ่งชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน แม้ที่ผ่านมาบางเรื่องนักลงทุนได้มีการตอบรับไปบ้างแล้ว"

นางภัทรียา กล่าวต่อว่า ราคาหุ้นปรับตัวลดลงวานนี้นักลงทุนควรใช้จังหวะเข้าไปเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ราคาถูก หลังจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากต้นปีที่ 858 จุด มาอยู่ที่ระดับ 730 จุด ปรับตัวลดลงมา 128 จุด มาร์เกตแคปหายไปกว่า 3 แสนล้านบาท เหลืออยู่ที่ 5.67 ล้านล้านบาท จากต้นปีที่อยู่ 6 ล้านล้านบาท

"ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเกิดจากหลายปัจจัย คือ เศรษฐกิจชะลอตัว จาก น้ำมัน เงินเฟ้อ ปรับตัวสูงขึ้น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย และปัจจัยทางการเมืองเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มรอดูสถานการณ์"

นางภัทรียา กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนระยะยาวในช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสในการเลือกลงทุน ซึ่งจากการที่ตลาดหลักทรัพย์มีการจัดงาน ตลาดนักกองทุนรวม ในช่วงวันที่ 5-6 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการส่งเสริมการออกมและทำความเข้าใจในการลงทุนผ่านกองทุน ซึ่ง ประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมงาน กว่า 4,000 คน เพื่อหาช่องทางในการลงทุนในภาวะที่ตลาดหุ้นไม่ดีปรับตัว

ทั้งนี้มีประชาชนสนใจทำรายการในการซื้อหน่วยลงทุนจำนวน 1,682 รายการ มูลค่ารวม 120 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่สูง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯก็จะมีการจัดงานแบบนี้อีกไม่ว่าภาวะตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งในเดือนกันยายนก็จะมีการจัดงานอีกครั้ง ในงานไทยแลนด์โฟกัส และในเดือนพฤษจิกายนจะมีการจัดงานSET In The City เพื่อที่จะให้ความรู้และเพิ่มทางเลือกในการลงทุน

รับรู้ใบแดง "ยงยุทธ" นานแล้ว

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า การตัดสินให้ใบแดงนายยงยุทธ และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี จากการกระทำผิดพ.ร.บ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และจะนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนต่อไปนั้น คงไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เพราะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้ว รวมถึงหากมีการยุบพรรคพลังประชาชน ก็จะมีการจัดตั้งพรรคใหม่เหมือนกับครั้งที่ยุบพรรคไทยรักไทย

ทั้งนี้ ปัจจัยทางการเมืองนั้นถือเป็นปัจจัยระยะสั้น แต่ที่มีความกังวลในเรื่องการพัฒนาประเทศ การเติบโตเศรษฐกิจมากกว่าปัจจัยทางการเมือง เพราะ การเมืองนั้นก็จะมีการคลี่คลายไปในรยะต่อไป โดยแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (9 ก.ค.) เชื่อว่าจะยังคงปรับตัวลดลง จากที่ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะเข้ามากระตุ้น เพราะยังคงได้รับปัจจัยลบจากต่างประเทศเข้ามากดดันซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีทำให้ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงมากกว่าปัจจัยการเมืองในประเทศ

ปัจจัยต่างชาติกดดันหุ้นลงต่อ

นางสาววิริยา ลาภพรมหรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 ก.ค.)ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากปัจจัยทางการเมืองเป็นหลัก 2 เรื่อง คือ การพิจารณาคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรรัช และเรื่องการลงนามเขาพระวิหาร ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคก็มีการปรับตัวลดลงแรงเกือบ 4% จากความกังวลในเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) ที่สถาบันการเงินอเมริกาจะต้องมีการเพิ่มทุน

"ตลาดหุ้นไทยวานนี้ลดลง 1.1% จากปัจจัยทางการเมืองเป็นหลัก แต่ถือว่าลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง 1-3.9% จากควมกังวลในเรื่องสินเชื่อจากที่จะมีผลกระทบทำให้สถาบันการเงินอเมริกาต้องมีการเพิ่มทุนมากขึ้น "นางสาววิริยา กล่าว

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 ก.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศและปัจจัยทางการเมืองที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทย ซึ่งนักลงทุนควรถือเงินสดเพื่อรอความความชัดเจนโดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 700 จุด ซึ่งประเมินแนวรับที่ระดับ 710 จุด แนวต้านที่ระดับ 730 จุด

คาดดัชนีหุ้นลงต่ออีก10 จุด

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับลงได้อีกอย่างน้อย 5-10 จุด แต่คงไม่ปรับตัวลงแรง หลังจากที่ศาลฎีกาตัดสินให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช เนื่องจากศาลตัดสินช่วงหลังหลังตลาดปิดแล้วแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ชัดเจน แต่ปัจจัยดังกล่าวยังมีความเสี่ยง นักลงทุนควรรอดูสถานการณ์ว่าจะมีการพิจารณาจะมีความชัดเจนในเรื่องการยุบพรรคก่อนทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น

"ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าดัชนีตลาดหุ้นจะหลุด 700 จุดหรือไม่ แต่เบื้องต้นมีโอกาสปรับลงไปที่ระดับ 700-710 จุด หลังจาก 2 วันที่ผ่านมาปัจจัยการเมืองได้กดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง สวนทางกับตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งขณะนี้ต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ขายอย่างต่อเนื่องเพื่อไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะหากปัจจัยต่างประเทศไม่เลวร้ายไปกว่านี้คงจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง"

ตลาดหุ้นยังไม่เจอจุดฟื้นตัว

นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากทั้งปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ คือ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ วิกฤตซับไพรม์ อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงสถานการณ์การเมือง และยังไม่สามารถประเมินได้ว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวเมื่อใด เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนตลาดหุ้นให้ฟื้นตัวได้

"ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาช่วยฟื้นฟูตลาดหุ้น แต่ถ้าจะปรับตัวขึ้นก็จะเป็นลักษณะการรีบาวน์ระยะสั้นเท่านั้น โดยบริษัทแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จากเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/51 ที่จะออกมาดี และที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับลดลงมากแล้ว หากมีการปรับตัวลดลงก็คงไม่มาก ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานให้ชะลอการลงทุน รอความชัดเจนให้ราคาน้ำมันทรงตัวก่อน"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us