Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์7 กรกฎาคม 2551
แบงก์พาเหรดปล่อยสินเชื่อเคหะเล็งตลาดบนลดความเสี่ยงยุคเงินเฟ้อ             
 


   
search resources

ชาติชาย พยุหนาวีชัย
Loan




สินเชื่อเคหะยังคงเป็นตลาดที่แบงก์พาณิชย์จับไม่ปล่อย แม้ในยุคข้าวยากหมากแพง พาเหรดระดมแคมเปญจูงใจ ลูกค้า ตั้งแต่อัตราดอกเบี้ย หรือแปลกแหวกแนวอย่าง “แบงก์กสิกรไทย”ใน “โครงการกู้บ้านเสริมฮวงจุ้ย” ชิงตลาดระดับกลางถึงบน ที่ฐานะการเงินไม่กระเทือนเงินเฟ้อเพื่อลดความเสี่ยงเอ็นพีแอลหลอกหลอน

ความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านยังคงมีอยู่ แต่ในยุคข้าวยากหมากแพงทำให้กำลังการใช้จ่ายหรือบริโภคหดลง ถ้าเป็นไปได้ก็เลือกในสิ่งที่จำเป็นที่สุด แม้แต่บ้านที่เป็นปัจจัย4ก็ยังไม่วายต้องคิดหน้าคิดหลังก่อนซื้อ

ความลังเล ประกอบกับสถานการณ์ที่ไม่เอื้อให้อยากจับจ่ายใช้สอยทำให้แบงก์พาณิชย์ต่างก็แห่กันออกแคมเปญใหม่เพื่อเร่งยอดสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเคหะที่เป็นเป้าหมายสำคัญในการขยายพอร์ตงาน บางที่ใช้อัตาดอกเบี้ยเป็นจุดขาย บางที่ก็ให้ในเรื่องบริการความสะดวกสบาย หรือแม้แต่การซื้อบ้านดูฮวงจุ้ยก็เป็นหนึ่งอีกแคมเปญในการทำตลาด

ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ แบงก์กสิกรไทย บอกว่า แคมเปญกู้บ้านเสริมฮวงจุ้ยน่าจะทำให้ตลาดสินเชื่อเคหะของกสิกรไทยคึกคักได้ ด้วยปัจจุบันผู้ซื้อบ้านไม่ได้ให้ความสำคัญที่ราคาของบ้านเท่านั้น ฮวงจุ้ยที่ดีก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกบ้านดังกล่าวได้ง่ายขึ้น นั่นเพราะความเชื่อว่าฮวงจุ้นที่ดีจะนำไปสู่ความอบอุ่น และสงบสุขในบ้านได้

แต่อย่างที่บอกในยุคที่เศรษฐกิจไม่ได้เอื้อให้คนยากใช้เงิน ตั้งแต่เงินเฟ้อ ราคาสินค้าบริโภคทั้งหลายต่างขึ้นราคา เรียกว่าต้นทุนในการดำรงชีพเปลี่ยนไปสู่ความยากลำบาก หากแต่รายได้กลับไม่ได้เพิ่มขึ้นตามต้นทุน ทำให้การใช้เงินในทุกบาททุกสตางค์ถูกไตร่ตรองอย่างรู้ค่า

ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนัก รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในฝั่นขากู้ที่จะเพิ่มขึ้นด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าคนกลุ่มดังกล่าวยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ข้าวยากหมายแพงที่เกิดขึ้นได้

แถม ชาติชาย มองอีกว่า แนวโน้มดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับขึ้นได้อีกประมาณ 0.25-0.50% จะไม่กระทบมากนักในกับลูกค้าที่กำลังผ่อนบ้าน จริงอยู่ทุถ้าขึ้นดอกเบี้ยแล้วต้นทุนการชำระหนี้จะเพิ่มขึ้นโดย การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุก 1% จะส่งผลให้ต้นทุนผ่อนชำระบ้านแต่ละงวดเพิ่มขึ้น 6% แต่ที่มองไม่กระทบลูกค้ามากนักเพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ก็อยู่ที่ระดับ 6-7% ถือว่ายังเป็นฐานที่ต่ำ อีกทั้งใน 3 ปีแรก ธนาคารมีโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับภาระหนักเกินไป

แบงก์พาณิชย์ได้จัดเกรดผู้มีรายได้ปานกลางซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังรับมือไหวกับภาวะเศรษฐกิจเยี่ยงนี้ได้ ให้กลายเป็นเป้าหมายหลักที่จะปล่อยสินเชื่อ โดยเกรดคนระดับกลางที่แบงก์พาณิชย์ให้เกณฑ์คร่าวๆมีรายได้อยู่ที่ 50,000 บาทต่อเดือน และสูงขึ้นไปก็จะเป็นกลุ่มรายได้สูง ซึ่งก็เป็นอีกตลาดที่แบงก์พาณิชย์ให้ความสนใจและคิดว่าน่าจะเป็นเทรนหนึ่งที่แบงก์พาณิชย์จะวิ่งเกาะกระแส เพื่อล่าชิงลูกค้าใน 2 กลุ่มนี้

ชาติชาย บอกว่าถ้ารายได้ตกที่ประมาณ 50,000 บ้านต่อเดือน ศักยภาพในการซื้อบ้านจะอยู่ที่ราคาประมาณ 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งในภาวะเช่นนี้เชื่อว่าถ้าจะกู้สินเชื่อเคหะกลุ่มนี้น่าจะผ่อนไหว ขณะที่กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทลงไป น่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ดังนั้นกลุ่มดังกล่าวจะมีการปรับตัวในด้านการบริโภคมากขึ้น

ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แบงก์กสิกรหันมาจับตลาดกลางถึงบนเพื่อลดความเสี่ยงเอ็นพีแอลที่อาจตามมาในอนาคตได้

ชาติชาย เล่าว่า แคมเปญ กู้บ้านเสริมฮวงจุ้ย เป็นสินเชื่อเคหะสำหรับลุกค้าที่กู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะได้รับบริการให้คำแนะนำด้านฮวงจุ้ยจากอาจารย์ที่เชี่ยวชาญศาสตร์นี้ในรูปแบบฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาตร์ เนื่องจากเป็นการดูที่ผสมผสานหลักการเรื่องสุขอนามัย และสภาวะแวดล้อม อันประกอบด้วย แสงสว่าง สัสัน ทิศทางลม ทิศทางน้ำ และการเวลาส ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาวะจิตใจและอารมณ์ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เสริมบารมี มีโชคลาภและเพิ่มความสำเร็จในชีวิต

ชาติชาย บอกว่า เป็นอีกการตลาดรูปแบบหนึ่งที่น่าจะกระตุ้นยอดสินเชื่อเคหะได้ เนื่องจากเป้นแคมเปญที่แหวกแนวตลาด ซึ่งที่ผ่านมา กสิกรไทยก็เคยทำแคมเปญที่แลกแตกต่างแบงก์อื่นมาแล้ว อย่างปี 2548 เลล่นแคมเปญกู้บ้านแถมแจ๋ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการภายหลังจากลูกค้าได้รับสินเชื่อเคหะไปแล้ว และมีปัญหาจัดการในบ้าน อย่างต้องการจัดตกแต่งสวน แบงก์ก็จะจัดส่งพนักงานเข้าไปช่วยดูแลให้เป็นต้น

“สิ่งที่ทำนั้นไม่ได้หวังแค่ยอดการตลาดโตเพียงอย่างเดียว แต่ยังหวังว่าลูกค้าที่กู้สินเชื่อของเราจะมีความประทับใจและหวนกลับมาใช้บริการจากแบงก์อีกครั้งซึ่งนั่นคือเรื่องสำคัญ”

ยอดปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารในช่วง 5 เดือนแรกปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 13,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเป้าครึ่งปีตั้งไว้ที่ 13,000 ล้านบาท และเป้าทั้งปีตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท เชื่อว่าเมื่อออกแคมเปญกู้บ้านเสริมฮวงจุ้ยและร่วมกับพันธมิตรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จัดแคมเปญดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้ปีนี้ปล่อยสินเชื่อสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30%

ด้านแบงก์ นครหลวงไทยออกสินเชื่อเคหะดอกเบี้ยพิเศษ 3 ทางเลือก โดย ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เล่าว่า เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยพิเศษสินเชื่อเคหะนครหลวงไทย 3 รูปแบบ มีขึ้นสำหรับโครงการที่ธนาคารเป็นผู้สนับสนุนเงินกู้ในการพัฒนาหรือโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

แบบที่ 1 ดอกเบี้ยคงที่ 2 ปี ปีแรกคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 3.25% ต่อปี ปีที่สองคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 4.50% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ลบ 1.0% ต่อปี แบบที่ 2 ดอกเบี้ยแบบลอยตัว ปีแรกคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 4.00% ต่อปี ปีที่สองคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 3.00% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 1.00% ต่อปี และแบบที่ 3 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.99% ต่อปี ในช่วง 10 เดือนแรก หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 1.00% ต่อปี พร้อมฟรีค่าธรรมเนียมในการกู้ และค่าธรรมเนียมในการประเมินราคา วงเงินกู้สูงสุด 95% ของราคาประเมิน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 30 ปี สำหรับลูกค้าที่ยื่นขอวงเงินกู้ภายในวันที่ 31 ส.ค.51 นี้

นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เสนอเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยพิเศษสินเชื่อเคหะสำหรับโครงการทั่วไปหรือบ้านมือสอง โดยปีแรกคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับ 3.99% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 0.5% ต่อปี

พร้อมกันนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าสินเชื่อเคหะนครหลวงไทยด้วยข้อเสนอสินเชื่อเพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตสูงสุด 100% ของค่าเบี้ยประกันสำหรับลูกค้าที่ทำประกันกับบริษัทประกันชีวิตนครหลวงไทย จำกัด โดยไม่นับรวมกับวงเงินสินเชื่อเคหะ และมอบส่วนลดดอกเบี้ยในปีแรกลงอีก 0.25% จากทุกเงื่อนไขที่ลูกค้าได้รับสำหรับลูกค้าที่กู้สินเชื่อเคหะพร้อมทำประกันชีวิตอีกด้วย

"เชื่อว่าเงื่อนไข ดังกล่าวจะทำให้ในปีนี้ธนาคารสามารถปล่อยกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหม่เพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาท ได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน เพราะธนาคารมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการและส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าเก่าที่ดีของธนาคาร และที่สำคัญได้ปรับปรุงขั้นตอนการพิจารณาสินเชื่อให้รวดเร็วยิ่งขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ขอกู้อีกด้วย"

ขณะที่แบงก์ ไทยพาณิชย์ ได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “SCB Home Loan Service More” เพื่อความสะดวกสบายที่ครบครัน รับเป็นธุระจัดการชำระสินเชื่อ พร้อมค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าสาธารณูปโภคกว่า 30 รายการ ด้วยระบบหักบัญชีอัตโนมัติ ลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่มีสิทธิเข้าร่วมรายการและรับของที่ระลึก ล่าสุดจับมือ เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวล ลอปเม้นท์ เสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมมอบเอกสิทธิพิเศษ “อยู่ AP เบาใจเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟด้วย SCB จ่ายให้”

แคมเปญ “SCB Home Loan Service More” เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และตอบสนอง ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน โดยแบงก์จะเป็นธุระจัดการชำระสินเชื่อ ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าสาธารณูปโภคอีกกว่า 30 รายการ ผ่านระบบหักบัญชีอัตโนมัติ (ฟรีค่าธรรมเนียมทุกรายการ ยกเว้นการประปาส่วนภูมิภาค การเคหะแห่งชาติ และเซทเทเลม) แคมเปญนี้ธนาคารมอบให้กับลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ โดยผู้ที่สมัครใช้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2551 นี้จะได้รับของที่ระลึกกระเป๋าผ้าอเนกประสงค์อีกด้วย

ตลาดสินเชื่อเคหะยังคงแรง ส่วนหนึ่งจากปัจจัยนโยบายภาครัฐ อย่างมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนของภาครัฐ ที่จะสิ้นสุดปี 2552 ยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการบริโภค เพราะเหมือนโอกาสมีต้องรีบฉวยไว้ หากแต่ว่ากันตามจริงแล้ว มาตรการยามนี้คงดังกล่าวคงใช้ได้กับคนส่วนน้อยที่มีฐานรายได้สูง ส่วนผู้รายได้ต่ำ ก็คงได้แต่มองโอกาสที่จากไปพร้อมอาการอดอยากปากแห้ง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us