เพียงปีเดียวหลังการเปิดดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ เจ.เอฟ.ธนาคมสามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง
39 ล้านบาท คณะกรรมการซึ่งมีเกษม จาติกวณิชเป็นประธานฯได้มีมติให้จ่ายเงินปันผล
50 %หรือหุ้นละ 195 บาท
กรณ์ จาติกวณิช กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า "การปันผลระดับนี้แสดงว่าบริษัทสามารถทำให้ผลตอบแทนในปีแรกสูงถึง
200% ของเงินลงทุน ซึ่งเป็นอัตราที่ค่อนข้างน่าพอใจ" ความสำเร็จของจาร์ดีน
เฟลมมิ่ง กรุ๊ป จำกัด ซึ่งหนังสือพิมพ์เอเซียน วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานว่าเมื่อสิ้นปี
2532 นั้น เจ.เอฟ.กรุ๊ปสามารถทำกำไรหักภาษีสูงถึง 46 % หรือคิดเป็น 525 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
การที่ธุรกิจค้าหลักทรัพย์ของเจ.เอฟ.ประสบความสำเร็จอย่างมากเช่นนี้ เป็นเรื่องไม่เกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์เพราะในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นย่านเอเชียเติบโตและให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนสูงมาก
โดยเฉพาะตลาดไทยและมาเลย์มีความน่าลงทุนมากคู่คี่กัน
อย่างไรก็ตามประเด็น หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องน่าจับตาอย่างมากของเจ.เอฟ.กรุ๊ปก็คือนโยบายการขยายตัวในธุรกิจบริหารกองทุนหรือ
FUND-MANAGEMENT ซึ่งในปี 2532 เจ.เอฟ.กรุ๊ป ได้บริหารกองทุนต่างๆเพิ่มขึ้นถึง
50 % คิดเป็นมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกองทุนเหล่านี้จัดตั้งขึ้นจากเงินลงทุนของชาวไต้หวันและญี่ปุ่น
ในส่วนของเจ.เอฟ.ธนาคมก็ดำเนินตามนโยบายของบริษัทแม่ในเรื่องการตั้งกองทุนด้วยเหมือนกัน
ปัญหาติดขัดอยู่ตรงที่สำหรับเมืองไทยยังไม่มีนโยบายการเปิดเสรีให้บริหารกองทุนได้เหมือนอย่างประเทศเอเชียนอื่นๆ
มีก็แต่บริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม จำกัดเท่านั้น ที่สมารถจัดตั้งและบริหารกองทุนได้เพียงแห่งเดียว
กรณ์พยายามรุกตลาดบริหารกองทุนที่ผูกขาดโดยบล.กองทุนรวมอย่างหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ปลายปี 2532 เขาดำเนินการให้มีการจัดตั้ง JF THAILAND TRUST เป็นกองทุนต่างประเทศ
(COUNTRY FUND) และเป็นกองทุนเปิด(OPEN - ENDED FUND) จดทะเบียนในลอนดอนเพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยโดยตรง
โดยระดมเงินลงทุนจากนักลงทุนไต้หวันเป็นส่วนมาก กองทุนนี้มีวงเงินมากกว่า
200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนไปประมาณ 80 %
นอกจากนี้ กรณ์ยังรุกต่อไป โดยพยายามที่จะจัดตั้งกองทุนในประเทศขึ้นให้ได้
ในจังหวะที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเห็นชอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้มีการให้ใบอนุญาตบริหารกองทุนรวมมากขึ้น
กรณ์กล่าวว่า "กองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นมานี้เป็นกองทุนเปิด มีอายุ 10
ปีมรวงเงินราว 1,000 ล้านบาท"
เป็นแนวรุกที่น่าจับตายิ่ง เพราะไม่เพียงแต่กรณ์ที่หวังจะได้รับใบอนุญาตบริหารกองทุนรวมเท่านั้น
บล.และบงล.อื่นๆ ก็อยากได้กันทุกแห่ง เจ.เอฟ.ธนาคมจะเป็นรายแรกที่ได้บริหารหน่วยลงทุนเมื่อเปิดให้ใบอนุญาตมากขึ้นหรือไม่
ต้องติดตามกันต่อไป !!