Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2533
สยามยูนิซิส : เสือโคร่งตัวใหญ่             
 


   
search resources

สยามยูนิซิส
เทียนชัย ลายเลิศ




สยามยูนิซิสเกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างยูนิซิสคอร์ป ยิบอินซอยมิตรซุย และเภาสารสินโดยยูนิซิสเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ประมาณ 51 % กล่าวคือถือผ่านยูนิซิสโอเวอร์ซี 49 % ยูนิซิสไทย (โฮลดิ้ง) 6 % ซึ่งยูนิซิสไทยโฮลดิ้งนี้ยูนิซิสโอเวอร์ซีถือหุ้น 49 % ร่วมกับยิบอินซอยซึ่งถือ 51 %

มองจากสัดส่วนนี้ก็เท่ากับว่ายูนิซิสคอร์ปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของสยามยูนิซิสนั่นเอง หลักฐานตรงนี้ยืนยันได้จากกรรมการบอร์ดที่มีคนของยูนิซิส 3 คนใน 6 คน โดยมีมัลคอล์ม เลาน์เออร์ซึ่งทำงานอยู่กับยูนิซิสมา 13 ปีแล้วเป็นทั้งประธานและกรรมการผู้จัดการ

สยามยูนิซิสมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านชำระแล้ว 25 ล้านบาท นับเป็นยักษ์ใหญ่คอมพิวเตอร์สหรัฐรายที่สี่ที่เข้ามาทำธุรกิจจริงจังในไทยต่อจากฮิวเล็ตแพคการ์ด ดิจิตอล อีควิปเม้นคอร์ปและไอบีเอ็มที่เข้ามาก่อนหน้า

การเกิดของสยามยูนิซิสมีที่มาของคนสองคนคือเทียนชัย ลายลาศ แห่งยิบอินซอยซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนคอมพิวเตอร์ยี่ห้อเบอร์โรและมร. เรโต บราวน์ (RETOBRAUN) ประธานบริหารยูนิซิส คอร์ปซึ่งเพิ่งผนวกกิจการบริษัทสเปอรี่ (SPERRY) เข้ากับเบอร์โรแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นยูนิซิสเมื่อปี 1986

เทียนชัย กับบราวน์พบกันที่กรุงเทพเมื่อปี 1988 ทั้งสองได้ตกลงในหลักการที่จะร่วมทุนเปิดธุรกิจคอมพิวเตอร์ในไทย เนื่องจากเห็นว่าตลาดไทยกำลังเติบโต

ก่อนหน้านี้ยูนิซิสก็ได้ร่วมทุนกับนิฮอนคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นยริษัทในเครือมิตซุยและเป็นเอเย่นต์เบอร์โรที่ทำรายได้สูงถึง 1 ใน 4 (ประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์) ของรายได้รวมของยูนิซิสในปี 1986

นอกจากนี้ในปี 1987 ยูนิซิสได้ร่วมทุนกับตาต้าคอมพิวเตอร์ (บริษัทในเครือตาต้ากรุป) ซึ่งเป็นเอเย่นต์เบอร์โรที่มีฐานลูกค้ากว้างขวางในตลาดอินเดีย

ดังนั้นการที่ยูนิซิสร่วมทุนกับยิบอินซอนจึงเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขายเครือข่ายทุนและเทคโนโลยีเข้ามาในตลาดเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยูนิซิสเห็นว่าไทยมีศักยภาพที่ดีที่สุด

"เราเป็นแห่งแรกในภูมิภาคนี้ที่ยูนิซิสเข้ามาลงทุนร่วมหลังจากเราเป็นเอเย่นต์มานานร่วม 34 ปีก็ถือว่าสิ่งนี้เป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการขยายตลาดและชื่อเสียงยูนิซิสในไทยมากขึ้น" เทียนชัยกล่าวถึงผลดี

ยูนิซิสเป็น 1 ใน 4 ของผู้ผลิตที่บุกเบิกเครื่อง ACCOUNTING MACHINE ซึ่งประกอบด้วยไอบีเอ็ม ฮิวเล็ต-แพ็คการ์ดและยูนิแว็ค ในระยะเวลาที่ไล่เลี่ยกัน แต่จุดที่ยูนิซิสเสียเปรียบคู่แข่ง เช่นไอบีเอ็มคือยูนิซิสเข้าสู่ธุรกิจ DATA PROCESSING หรือคอมพิวเตอร์ช้าเกินไปเริ่มเมื่อปี 1974 เท่านั้นเอง

ตรงนี้ก็หมายถึงข้อเสียเปรียบที่เชื่อมดยงมาสู่ตลาดในเมืองไทยด้วย ขณะที่เวลานั้นไอบีเอ็มได้ลงหลักปักฐานธุรกิจคอมพิวเตอร์ในตลาดเมืองไทยเรียบร้อยนานแล้ว

และไอบีเอ้มก็สามารถควบคุมตลาดเอกชนโดยเฉพาะสถาบันการเงินได้เป้นส่วนใหญ่สิ่งนี้ยังไม่นับเอ็นอีซี จากญี่ปุ่นดิจิตอลอิควิปเม้นต์หรือเด็คซิ่งเพิ่งยึดตลาดค้าหุ้นไป

แล้วยูนิซิสจะมีวิธีการเจาะตลาดอย่างไร ?

เทียนชัยเล่าให้ฟังว่าสยามยูนิซิสจะมุ่งตลาดเอกชนโดยเฉพาะธุรกิจการเงิน และสายการบินขณะที่ยิบอินซอยซึ่งยังคงเป็นเอเย่นต์ยูนิวิส (ขายเครื่องเบอร์โร) อยู่ตามเดิมก็จะมุ่งขยายฐานตลาดรัฐบาลต่อไป

มัลคอร์ม เลาเออร์กล่าวว่าการเจาะตลาดของยูนิซิสจะตั้งซัมมิทคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นเอเย่นต์สเปอรี่มาก่อนและซีเอ้มแอลเป็นเดลเลอร์หรือวาร์ (VARS) บุกเจาะตลาดขายขณะที่ยิบอินซอยก็ยังคงขายในตลาดราชการ

ส่วนตัวยูนิซิสจะทำหน้าที่เป็นกลไกในการสนับสนุนการขายโดยมุ่งพัฒนาระบบให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด เช่น การพัฒนาซอพแวร์ภาษาไทยออกแบบระบบที่สามารถตอบสนองความต้องการตลาด

ว่าไปแล้วสิ่งนี้ก็ไม่ต่างจากไอบีเอ็มที่ทำอยู่ในขณะนี้กล่าวคือ ไอบีเอ็มขายผ่านดีลเลอร์คือโปรลายน์ เอสซีทีคอมพิวเตอร์ ไมโครซิสเต็มขณะที่ตัวไอบีเอ็มเองจะเป็นกลไกพัฒนาระบบและวางระบบให้

มองในแง่นี้จึงไม่ง่ายเลยที่สยามยูนิซิสจะเจาะตลาดได้โดยง่ายถ้าไม่มีข่ายงานสายสัมพันธ์ที่ดี

จุดนี้เป็นเหตุผลที่ทำไมโครงสร้างผู้ถือหุ้นจึงต้องประกอบไปด้วยมิตซุย (10 %) และเภา สารสิน (10 %) ด้วยนอกเหนือยูนิซิสและยิบอินซอย

เทียนชัยกล่าว ยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ว่า มิตซุยมีบริษัทในเครือที่ลงทุนในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 70 บริษัทขณะที่ "สารสิน" ก็มีบริษัทในเครือข่ายมากมาย ฐานบิษัทเหล่านี้ย่อมเป็นประโยชน์ต่อการเจาะตลาดของสยามยูนิซิส

มองในแง่นี้ก็หมายถึงว่าการเกิดและโอกาสเติบโตต่อไปของสยามยูนิซิสคงหนีไม่พ้นบทบาทของคน 3 คนคือ มัลคอร์ม , เค. ยามากิชิ (คนของมิตซุย) และเภา

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us