ระหว่างงานคอมมูนิคเอเชีย งานแสดงเทคโนโลยีการสื่อสารระดับโลกซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ประเทศสิงคโปร์ ได้วนมาครบกำหนดจัดอีกครั้งเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 ที่ผ่านมา บริษัท แอเรียนสเปซ ผู้นำตลาดธุรกิจส่งดาวเทียมออกไปโคจรนอกโลก ถือโอกาสในช่วงเวลาเดียวกันนั้น จัดงานแถลงข่าวขึ้นที่นั่น โดยมีฌอง อีฟ ลา กาล ประธานและซีอีโอ บินมาร่วมงานแถลงข่าวเล็กๆ นั้นด้วยตนเอง

แทบจะไม่เป็นที่แปลกใจนักสำหรับสื่อมวลชนจากหลายสำนัก ในภูมิภาคเอเชียที่เดินทางไปร่วมเข้างานแถลงข่าวของแอเรียนสเปซ ถึงการบินมาร่วมงานด้วยตนเองของประธานและซีอีโอของบริษัทในครั้งนี้ นั่นเป็นเพราะหัวใจสำคัญของการแถลงข่าวเน้นหนักไปกับการประกาศความสำเร็จในการดำเนินกิจการของแอเรียนสเปซ ในภูมิภาคเอเชีย มีฌอง อีฟ ลา กาล กล่าวย้ำหลายครั้งว่า ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมดาวเทียมจะยังเติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่หลายคนมองว่าอยู่ในขาลง และหลายคนเริ่มจำกัดเรื่องต้นทุนในการดำเนินกิจการอย่างเข้มงวดก็ตามที แต่เป็นเพราะในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่ต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดาวเทียมมากขึ้น

ไม่ว่าจะใช้ดาวเทียมเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และใช้ดาวเทียมเพื่อธุรกิจแพร่ภาพและ สัญญาณโทรทัศน์ และเหนือสิ่งอื่นใด ตลาดดาวเทียมที่อ้างอิงการเติบโตจากจำนวนของดาวเทียมที่ส่งออกไปโคจรได้ก็กำลังเติบโตในเอเชียมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นในโลกนี้ ปีที่ผ่านมา แอเรียนสเปซทำรายได้จากการรับส่งดาวเทียมทั้งสิ้น 1 พันล้านยูโร 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดมาจากตลาดในทวีป เอเชีย เทียบกับตลาดหลักอื่นทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยแต่ละปี หรือแม้แต่ปีนี้เองตลาดเอเชียขยายตัวมากถึง 10-15% เลยทีเดียว

โดยลูกค้าหลักยังอยู่ในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร ตลอดจนธุรกิจด้านความปลอดภัยที่กำลังให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยีดาวเทียมมากขึ้น ทั้งอินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย หรือแม้แต่เวียดนาม ซึ่งแอเรียนสเปซทำการส่งดาวเทียมดวงแรกให้ไปแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา

สำหรับประเทศไทยนั้น แอเรียนสเปซทำการส่งดาวเทียมไทยคมทุกดวงให้กับบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) โดยล่าสุดได้ส่งดาวเทียมไทยคม 5 มูลค่ากว่า 101 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นอวกาศเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อย และตั้งความหวังว่ายังจะได้รับโอกาสและความไว้ใจในการส่งดาวเทียมดวงต่อๆ ไปในอนาคต แม้จะยังไม่ได้มีการเจรจาหรือยืนยันอย่างเป็นทางการ ซีอีโอยังเชื่อว่า ตลาดเอเชียยังเป็นตลาดหลักที่จะทำรายได้ให้กับบริษัทในอนาคตได้อีกนาน ตราบใดที่ผู้คนในภูมิภาคนี้ยังใช้โทรศัพท์ โทรทัศน์ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นทุกขณะ เมื่อนั้นบริษัทก็จะสามารถส่งดาวเทียมได้มากขึ้นด้วยนั่นเอง