Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2533
ยง อารีเจริญเลิศ ใช้สูตร 4 รวมเป็น 1             
 


   
search resources

เจ้าพระยาห้องเย็น
ยง อารีเจริญเลิศ
Food and Beverage




เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว "ผมรู้สึกว่าตัวเองเคยเป็นเด็กที่สุดเมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่อย่างไทยเสรีห้องเย็น ตอนนั้นธุรกิจห้องเย็นยังไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจกันมากนัก มาตอนนี้พอธุรกิจห้องเย็นขยายตัว ตอนนี้ผมรู้สึกจะแก่ที่สุด" ยง อารี เจริญเลิศ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทเจ้าพระยาห้องเย็นซึ่งคลุกมานานกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ยงเริ่มต้นเข้ามารับผิดชอบธุรกิจของบริษัท เจ้าพระยาห้องเย็น จำกัดตั้งแต่มีคนทำงานกันเพียง 3-4 คน คือตัวเขาเอง คนขับและเสมียนอีกหนึ่งคนร่วมกันดูแลโรงงานเจ้าพระยาห้องเย็น

สมัยนั้น ยงเล่าว่าชอบไว้ผมยาว ใส่รองเท้าแตะไปติดต่อแบงก์ มีปัญหาเรื่องเช็คเพราะยังไม่ค่อยคุ้นเคย ผู้ใหญ่คนหนึ่งบอกว่า "เอากลับไปให้พ่อเซ็นชื่อก็ใช้ได้แล้ว" พอยงหยิบปากกาเซ็นชื่อเอง ทุกคนเลยงง "คงไม่มีใครอยากเชื่อว่าหน้าเด็ก ๆ แต่งตัวโทรม ๆ จะเซ็นเช็คได้"

จนขณะนี้เขาได้พัฒนาธุรกิจของครอบครัวขึ้นมาโดยมีบริษัท ปากพนังห้องเย็นเป็นหัวเรือใหญ่ของกลุ่ม

ยงเริ่มต้นชีวิตบนถนนของธุรกิจห้องเย็นตั้งแต่ปี 2516 หลังจากที่ก่อตั้งบริษัท เจ้าพระยาห้องเย็น จำกัดเป็นแห่งแรกในปี 2515 มีโรงงานตั้งอยู่ในกรุงเทพ ต่อมาก็ตั้งบริษัทโอคินอสห้องเย็น จำกัด โรงงานอยู่ที่สมุทรปราการ ตามมาด้วย บริษัททักษิณสมุทรห้องเย็น จำกัด อยู่ที่สงขลา กระทั่งปี 2527 ก็ได้ก่อตั้งบริษัท ปากพนังห้องเย็น จำกัด

"ปากพนังห้องเย็น" เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมห้องเย็นเช่นเดียวกับบริษัทในกลุ่มอีก 3 แห่ง คือผลิตอาหารแช่แข็ง ได้แก่ กุ้ง ปู และปลาหมึก ซึ่งจะส่งออก 100 % โดยปากพนังห้องเย็นเป็นบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ

ยง อดีตนายกสมาคมผู้ค้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำและอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวถึงสาเหตุที่ตั้งบริษัทในลักษณะเดียวกันถึง 47 แห่ง เนื่องจากแหล่งวัตถุดิบกระจายอยู่หลายแห่ง

"อย่างที่เริ่มต้นตั้งโรงงานที่สงขลาประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้ว เพราะอาหารทะเลจะส่งจากสงขลาโดยทางรถ ใช้เวลาเดินทาง 17-18 ชั่วโมง ทำให้น้ำหนักหายไป จากหนึ่งกิโลจะเหลือ 9 ขีด และทำให้อาหารไม่สด" ยงกล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องกระจายการตั้งโรงงานไปตามแหล่งวัตถุดิบ

สมมุติเราซื้ออาหารทะเลมากิโลกรัมละ 40 บาท ค่าขนส่งสงขลา-กรุงเทพตกกิโลกรัมละ 2 บาท รวม 42 บาท พอแกะเปลือกลอกหนังแล้วจะเหลือน้ำหนักจริง ๆ ครึ่งกิโล ถ้าจะให้ได้เนื้อหนึ่งกิโลก็ตก 84 บาท ขณะที่การเลี้ยงกุ้งขยายตัวมากโดยเฉพาะทางภาคใต้ ถ้าน้ำหนักกุ้งหายไป 10 % แล้วกุ้งกิโลกรัมละ 100 บาท ถ้าหายไป 10 บาทลองคิดดูขายกันเป็นหมื่น ๆ ตันจะหายไปขนาดไหน ยงยกตัวอย่าง

ยงสะท้อนถึงพัฒนาการของอุตสาหกรรมห้องเย็นว่าสัก 20 ปีก่อน คนให้ความสนใจธุรกิจด้านนี้น้อย ผู้ค้าที่จะยิ่งใหญ่จะต้องค้าข้าว ค้าไม้ช่วงนั้นทำงานกันแค่ครึ่งวัน บ่ายคนงานก็ว่างกันแล้ว ใครมีเครื่องคิดเลขสักเครื่องก็ถือว่าสมัยใหม่มาก ตอนที่เจ้าพระยาห้องเย็นลงทุนแค่ 5 ล้านบาทเท่านั้น ถ้าเป็นตอนนี้จะลงทุนห้องเย็นจะต้องลงทุนอย่างต่ำ ๆ ก็ร้อยล้านขึ้นไป

ตลาดห้องเย็นเริ่มเปลี่ยนแปลงเห็นชัดเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นให้ความสนใจพวกอาหารแช่แข็ง รวมถึงประเทศพัฒนาแล้วทั้งในยุโรปและสหรัฐ เนื่องจากประชาชนเริ่มเห็นความสำคัญในการถนอมสุขภาพมากขึ้น ไม่ต้องการใส่ของปนปลอมในอาหารแช่แข็งขยายตัวได้อีกมหาศาล

โดยเฉพาะญี่ปุ่นเป็นชาติที่พิถีพิถันอาหารที่เขารับประทานจะละเอียด ดูสวยงามแต่ต้องไม่มีสิ่งปลอมปน

ตลาดญี่ปุ่นจะเป็นตลาดที่น่าสนใจมากที่สุด ญี่ปุ่นซื้ออาหารทะเลจากเมืองไทยเกือบ 50 % แต่โดยภาพทั่วไปแล้วคนจะรู้สึกว่าญี่ปุ่นเอาเปรียบคนอื่น แต่ใครที่ญี่ปุ่นยอมค้าด้วยแล้ว ซึ่งแสดงว่าสินค้าของคนนั้นจะต้องมีคุณภาพดีสม่ำเสมอ จะได้รับความสะดวกที่สุดและเขาไม่โกงเรา ญี่ปุ่นต้องการสินค้าคุณภาพดี แม้จะมีราคาสูง เขาก็พร้อมที่จะจ่าย ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยพัฒนาตลาดอาหารแช่แข็งให้กับเราได้ทำให้เราสามารถพัฒนาเพิ่มคุณค่าและมูลค่าสินค้าให้สูงขึ้น

ยง ซึ่งเคยเป็นคนหนึ่งในกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เป็นกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของผู้ประกอบการเลี้ยงกุลาดำ อาหารสัตว์ขาดแคลนและมีราคาสูงและกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาปัญหาชาวประมงได้เปรียบเทียบความต่างของตลาดญี่ปุ่น สหรัฐและยุโรปว่า

ถ้าเรียงลำดับความสนใจของตลาดเหล่านี้ญี่ปุ่นจะมาอันดับหนึ่ง สหรัฐมาที่สองส่วนยุโรปจะมาสุดท้าย ทั้งด้านคุณภาพและราคา

"ญี่ปุ่นจะจู้จี้ในเรื่องคุณภาพ แต่พร้อมที่จะสู้ราคาและถือได้ว่าญี่ปุ่นเป็นตลาดอาหารแช่แข็งที่ใหญ่ อาหารที่ญี่ปุ่นซื้อเขาต้องการสีสัน เขาจะเข้มงวดมากกว่าสินค้าทุกลอตทุกชิ้นสีจะต้องเหมือนกัน ขณะที่สหรัฐเข้มงวดเรื่องคุณภาพเหมือนกัน แต่จะไม่เน้นมากเหมือนญี่ปุ่นว่าสีจะต้องเหมือนกันเป๊ะ"

สำหรับตลาดยุโรปเป็นตลาดที่ไม่ต้องการคุณภาพดีนัก ราคาก็ต่ำเนื่องจากวัฒนธรรมในการบริโภคต่างกับญี่ปุ่น "อีกสาเหตุหนึ่งก็คือมักจะมีนายหน้าของประเทศในยุโรปไปเสนอภาพให้เห็นว่าเรามี OVER SUPPLY ทำให้ราคาตก เราขายกันอยู่ตันละพันกว่าเหรียญ เขาก็ไปขาย 950-970 เหรียญ เป็นต้น ด้วยการทำให้น้ำหนักขาดหายไป"

"ผมคิดว่า ผู้ซื้ออย่างนี้ ไม่เป็นการช่วยพัฒนาผลผลิตและตลาด" ยงสะท้อนถึงปัญหาตลาดยุโรปที่ยังไม่น่าสนใจมากเท่าที่ควรในขณะนี้แต่สำหรับอนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้า คงจะมีหารพัฒนามากขึ้น

ด้วยความคิดที่เห็นถึงปัญหานี้ ในการเจาะตลาดต่างประเทศของกลุ่มปากพนังห้องเย็นจึงไม่มีนายหน้า แต่จะติดต่อด้วยตัวเองทั้งในสหรัฐและญี่ปุ่น "ส่วนยุโรปนั้นมีอยู่บ้าง" เพราะยังเป็นตลาดเล็กการที่จะค้าด้วยระบบ TRADING HOUSE ค้าอย่างเดียวก็ไม่คุ้มกับการลงทุน

ดังที่ยงกล่าวมาข้างต้นแล้วว่า เมื่อก่อนค้าแค่ 3-4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ต้องทำงานกันถึงกลางคืน เพราะช่วงติดต่อค้าขายกับสหรัฐ ก็ต้องราว 2 ทุ่มตามเวลาในบ้านเรา ซึ่งก็หมายความว่าบริษัทสามารถขยายตลาดได้มากขึ้น

การที่กลุ่มปากพนังห้องเย็นได้กระจายแหล่งวัตถุดิบถึง 4 แห่ง ไม่เพียงแต่สามารถลดต้นทุนการผลิต แต่ช่วยทำให้อาหารทะเลสดได้คุณภาพดีกว่าหลายเท่า และยังช่วยให้การบริหารคล่องตัวด้วย

ยงกล่าวว่าแม้จะมีแหล่งวัตถุดิบอยู่ 4 แห่ง แต่ทั่งหมดจะมีศูนย์กลางการบริหารที่กรุงเทพ ก็คือสำนักงานของเจ้าพระยาห้องเย็นตรงถนนจันทร์เหมือนเดิม แต่ดำเนินการในชื่อของปากพนังห้องเย็น

เมื่อบริษัทได้ขยายตัวมาถึงจุดหนึ่ง ขณะที่ยังมีโครงการขยายงานของบริษัทอีกหลายโครงการ จึงจำเป็นที่จะต้องปรับโครงสร้าง โดยใช้ปากพนังห้องเย็นเป็นเรือธงในการส่งออก เพื่อยื่นเข้าตลาดหลักทรัพย์ ฯ ซึ่งได้รับอนุมัติไปแล้วเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว

โดยในปีที่แล้ว ปากพนังห้องเย็นได้เข้าซื้อกิจการในเครือทั้งหมด ด้วยการซื้อหุ้นของกิจการ 99 % เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งของกลุ่มทั้งหมดได้แก่ ปลาหมึกคิดเป็น 50 % ที่ส่งออก กุ้ง 30 % หอย 10 % ส่วนที่เหลือก็เป็นปลา

นอกจากการส่งออกในรูปของแช่แข็งแล้ว บริษัทยังจะขยายไปในรูปของอาหารทะเลกึ่งสำเร็จรูปพร้อมกันไป

การที่เขาใช้สูตรรวม 4ให้เป็น 1 เพื่อให้ปากพนังห้องเย็นเป็นศูนย์ส่งออกอาหารทะเลของกลุ่ม ทั้งที่เจ้าพระยาห้องเย็นก่อตั้งก่อนและเป็นที่รู้จักมากกว่า และยงเองในสมัยที่เป็นนายกสมาคมผู้ค้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำก็เป็นในนามของเจ้าพระยาห้องเย็นนั้นมีที่มาหลายสาเหตุ

เริ่มตั้งแต่ชื่อเจ้าพระยาห้องเย็น ยงกล่าวว่า เนื่องจากมีบริษัทอื่นที่ใช้ชื่อว่า "ห้องเย็นเจ้าพระยา" เขารับฝากสินค้า ออฟฟิศก็อยู่ใกล้ ๆ กันก็เกรงว่าคนจะสับสนคิดว่าเป็นบริษัทเดียวกัน

ที่สำคัญ ปากพนังห้องเย็นเป็นบริษัทที่โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม เพราะเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของบริษัท อยู่ที่ อ.ปากพนัง ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์หลักของธุรกิจ และในระยะหลัง 3-4 ปีที่ผ่านมาการส่งออก จะส่งออกในชื่อของปากพนังห้องเย็นมาตลอด

ขณะเดียวกันการส่งออกไปบางประเทศ เช่น สหรัฐ อาหารทะเลแช่แข็งที่ไปจากกลุ่มปากพนังผ่านการตรวจสอบของ F.D.A. เป็นการยอมรับคุณภาพสินค้าแล้ว เมื่อไหร่ที่เป็นสินค้าของปากพนังห้องเย็นจึงไม่ต้องแกะกล่องตรวจทุกลอตทำให้สะดวกในการขนส่งและประหยัดเวลามากขึ้น

นอกจากนี้ ปากพนังห้องเย็นเป็นบริษัทที่มีผลกำไรดีกว่าบริษัทอื่น ๆ จากยอดขายประมาณ 1,200 ล้านบาทในปี 2530 กำไรเพียงไม่กี่สิบล้านได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,600 ล้านบาทในปี 2532 และมีกำไรก่อนหักภาษีประมาณ 230 ล้านบาท

หลังจากที่ได้ปรับโครงสร้างโดยรวมเป็น 4 เป็นหนึ่ง เพื่อส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งไปยังต่างประเทศแล้ว ปากพนังห้องเย็นยังอยู่ระหว่างการเจรจาหารือในการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย

ยงกล่าวถึงแผนงานว่า จะตั้ง OPARETION ที่นั่น เนื่องจากเขามีกุ้งเยอะมากกุ้งกุลาดำมี 2 ประเทศที่เป็นแหล่งวัตถุดิบใหญ่ คือไทยกับอินโดนีเซีย "แต่อินโดนีเซียช้ากว่าเราหน่อย" ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหลักประกันในการผลิตให้กับเราด้านแรงงานก็ถูกกว่าค่าขนส่งก็พอ ๆ กับไทยถ้าจะส่งไปยังตลาด ญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป นอกจากนี้ปากพนังห้องเย็นยังมีแผนที่จะขยายงานไปในธุรกิจต่อเนื่อง ซึ่งยงเชื่อว่าการปรับโครงสร้างใหม่ดังกล่าวจะทำให้ปากพนังเข้มแข็งยิ่งขึ้นในการแข่งขันกับตลาดนอก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us