|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บิ๊กปตท.ประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแค่เล็กน้อย 0.25-0.50% ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจและการเงินของเครือปตท. ทำให้คงแผนเดิมที่ตั้งไว้ 1-2 ปีนี้ และการก่อหนี้เพิ่มนั้นเน้นรีไฟแนนซ์หนี้เดิมวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อหวังยืดอายุหนี้ให้นานขึ้น มั่นใจผลการดำเนินงานไตรมาส 2 นี้ ดีกว่าไตรมาสแรก หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกถีบตัวสูง
นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยถึง ผลกระทบจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ว่า ปตท.ยังไม่มีแผนปรับเปลี่ยนแผนการเงินและการลงทุนใหม่ในช่วง 1-2 ปีนี้ แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น เพราะเชื่อมั่นอัตราดอกเบี้ยจะขยับขึ้นไม่สูงมากประมาณ 0.25-0.50 % ซึ่งเป็นอัตราที่ปตท.ยอมรับได้และไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนในอนาคต
โดยปตท.จะรีไฟแนนซ์หนี้เดิมตามแผนที่กำหนดไว้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาทตามที่ขออนุมัติไว้จากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยยืดอายุหนี้ให้ยาวขึ้นจากปัจจุบันหนี้ปตท.มีอายุเฉลี่ย 8 ปี โดยหนี้ใหม่จะเป็นหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้และการลงทุนที่อิงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ปตท.พยายามรักษาสัดส่วนหนี้ให้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
"แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เชื่อว่าไม่มีผลต่อการเร่งปรับแผนการกู้เงินของปตท. แต่หากดอกเบี้ยมีแนวโน้มขยับขึ้นไม่หยุด ทางปตท.ก็คงต้องปรับแผนการเงินใหม่"
สำหรับแผนการลงทุนของเครือปตท.ใน 5 ปีนี้ เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 9.43 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยเฉพาะการลงทุนบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ที่จะมีการลงทุนเพิ่มในแหล่งก๊าซฯM9 ที่พม่า ซึ่งพบปริมาณก๊าซฯสูงขึ้นคาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ 300 ล้านลบ.ฟุต/วัน ทำให้งบลงทุนของปตท.สผ. 5 ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากเดิม 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และแนวโน้มการผลิตปิโตรเลียมของปตท.สผ.ในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 1.79 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วันเป็น 2.2 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน
นอกจากนี้ ปตท.ยังให้ความสำคัญในการลงทุนวางท่อบนบกเส้นที่ 4 ซึ่งหากดำเนินการเสร็จเรียบร้อยจะส่งผลให้ปริมาณการขนส่งก๊าซฯเพิ่มขึ้นเป็น 6,200 ล้านลบ.ฟุต/วัน จากเดิมที่ 3,100 ล้านลบ.ฟุต/วัน ส่วนโรงแยกก๊าซโรงที่ 6 หลังจากก่อสร้างเสร็จจะส่งผลให้ความสามารถในการแยกก๊าซฯเพิ่มขึ้นอีก 60-70% จากเดิมมีกำลังการผลิตรวมที่ 4.1 ล้านตัน/ปี และมีความชัดเจนในการสร้างโรงแยกก๊าซฯแห่งที่ 7 ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาหาสถานที่ตั้งว่าแหล่งก๊าซฯจะมาจากอ่าวไทยหรือพม่า
ฟุ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้สดใส
นายพิชัย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2551 ของปตท.จะดีขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาส1/2551 ที่มีรายได้รวม 4.9 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในไตรมาส 2 ที่ถีบตัวขึ้นสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่าไตรมาส 1 ที่ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่จะได้รับผลกระทบเล็กน้อย จากกรณีให้ความร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน โดยลดราคาขายน้ำมันดีเซลหน้าโรงกลั่น 3 บาท/ลิตรจำนวน 720 ล้านลิตร และการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)
ส่วนค่าการกลั่น(ไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน)ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 7-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยแนวโน้มค่าการกลั่นจะอ่อนตัวลง เนื่องจากมีโรงกลั่นใหม่เกิดขึ้นใหม่ในช่วง 5ปีนี้ คิดเป็นกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นอีก 8 ล้านบาร์เรล/วัน หากความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านบาร์เรล/วัน จะส่งผลให้ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวลงมา
นายพิชัย กล่าวถึงราคาหุ้นPTTที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาว่า ราคาหุ้นPTT เป็นไปตามทิศทางเดียวกับภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลง ไม่ได้มีสาเหตุมาจากกรณีที่บริษัทฯ ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน ในการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลต่ำกว่าราคาหน้าปั๊ม 3 บาท/ลิตร
|
|
|
|
|