|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศาลฏีกา มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของ "สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง" รวมทั้ง "นครไทย อินทิเกรทเต็ดสตีลส์" และ "นุชนารถ หอรุ่งเรือง"ในคดีหมายเลขแดง4423/2549 ที่ "บรรษัท บริหารสินทรัพย์ไทย"เป็นผู้ฟ้องเมื่อ 27 มี.ค. 2551 โดยให้จ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้อำนาจ จัดการและจำหน่ายทรัพย์สิน เก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินแต่เพียงผู้เดียว
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ลงประกาศ ศาลฏีกา มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง และบริษัท นครไทย อินทิเกรทเต็ดสตีลส์ จำกัด รวมทั้ง นางสาวนุชนารถ หอรุ่งเรือง ลงในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ในคดีหมายเลขแดงที่ 4423/2549
สำหรับคดีดังกล่าวบรรษัท บริหารสินทรัพย์ไทย ผู้ร้อง ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้ลูกหนี้ ล้มละลายและศาลฎีกาได้มีคำสั่งลงวันที่ 27 มีนาคม 2551 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นายสวัสดิ์ ที่ 1, บริษัท นครไทย อินทิเกรทเต็ดสตีลส์ ที่ 2 และ นางสาวนุชนารถ ที่ 4 ลูกหนี้ เด็ดขาด ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พุทธศักราช 2483
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ 1 ประกอบอาชีพธุรกิจ มีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 403/22 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ขณะที่ลูกหนี้ที่2 ประกอบอาชีพธุรกิจ มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 197 หมู่ที่ 2 ตำบลบางจาก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และลูกหนี้ที่ 4 ประกอบอาชีพธุรกิจ มีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 103/2 ถนนคลองบางจาก แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
โดยนับแต่วันที่ศาลฎีกาได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเป็นต้นไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจดังต่อไปนี้ (1) จัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไป (2) เก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินซึ่งจะตกได้แก่ลูกหนี้ หรือซึ่งลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับจากผู้อื่น (3) ประนีประนอมยอมความหรือฟ้องร้อง หรือต่อสู้คดีใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้
ขณะเดียวกัน เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเรื่องนี้ จะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือไม่ก็ตามต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ฝ่ายคำคู่ความ สำนักงานเลขานุการกรมกรมบังคับคดี ถนนบางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย หรือสำนักงานบังคับคดีซึ่งลูกหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ ภายในกำหนดเวลา 2เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งนี้ แต่ถ้าเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักร เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจขยายกำหนดเวลาให้อีกไม่เกิน 2 เดือน
สำหรับ นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป จำกัด (NTS) และบริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (NSM) ต่อมาได้ก่อตั้ง บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) เพื่อประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประเภทนิคมอุตสาหกรรม
ต่อมา ภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ธุรกิจของนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ต้องแบกรับภาระหนี้กว่าแสนล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีล ได้ร่วมทุนกับบริษัทเหล็กในเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท มิลเลนเนียม สตีล จำกัด (มหาชน) และได้ขายหุ้นให้กับทาทา สตีลจากประเทศอินเดีย เมื่อปี พ.ศ. 2549 ขณะที่บริษัท นครไทยสตริปมิล ได้ขายหุ้นให้กับบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) ของนายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล
ส่วนบริษัท นครไทย อินทิเกรทเต็ดสตีลส์ มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 5,000,000 บาท กรรมการประกอบด้วย นาย โกศล หอรุ่งเรือง นาย ไมตรี สัตพรพันธ์ และนาย วินัย ทับทิมเทศ มีตระกูลหอรุ่งเรืองเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบกิจการขาดทุนมาตลอดหลายปี
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า นายสวัสดิ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทและบริษัทย่อย มีผลจากวันที่ 6 มิถุนายน 2551 แต่ทั้งนี้คณะกรรมการได้ขอให้นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เข้ารับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการของบริษัทด้วยเหตุที่เป็นบุคคลสำคัญที่ได้ก่อตั้งบริษัทมา
โดยในการประชุมวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการบริษัทหลังการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาผลตอบแทน ได้มีมติแต่งตั้งนายวิกิจ หอรุ่งเรือง เข้าเป็นกรรมการใหม่แทนนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรืองโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป และโดยที่มีระยะเวลาดำรงตำแหน่งเท่ากันกับวาระที่ยังคงเหลือของกรรมการที่ลาออกไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของกรรมการและอนุกรรมการในบริษัทดังนี้ นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล เป็นประธานคณะกรรมการบริษัทและเป็นกรรมการสรรหาและพิจารณาผลตอบแทน , นายธงชัย ศรีสมบูรณานนท์ เป็น ประธานคณะกรรมการบริหาร และ นายสุทธิพันธ์ จารุมณี เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาผลตอบแทน
|
|
|
|
|