|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายคนอง ศักดิ์เพ็ชร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจน้ำตาลมิตรผล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำตาลมิตรผล เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทต้องการก้าวสู่การเป็นผู้นำโซลูชั่น เซอร์วิสในธุรกิจน้ำตาล ล่าสุดได้ทุ่มงบลงทุน 200 ล้านบาท สร้างโรงงานที่ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เพื่อผลิตน้ำตาลในรูปแบบน้ำเชื่อมภายใต้แบรนด์"มิตรผล" เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องนำน้ำตาลทรายไปละลายก่อนการใช้งาน ซึ่งเป็นการสร้างเซกเมนต์ใหม่ของตลาดน้ำตาล และนับว่าประเทศไทยเป็นแห่งแรกในอาเซียนที่สามารถผลิตน้ำเชื่อมดังกล่าวได้
ปัจจุบันอัตราการบริโภคน้ำตาลคนไทยอยู่ 30 กก.ต่อคนต่อปี โดยกลยุทธ์การตลาดต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า เพื่อสร้างสรรค์ความต้องการในรูปแบบใหม่ ซึ่งในแง่ของกลุ่มผู้บริโภคสินค้าใหม่จะเปรียบเสมือนเป็นน้ำตาลขวดที่ 2 ในบ้าน สามารถใช้ปรุงอาหารหรือเครื่องดื่มในครัวเรือน ซึ่งบริษัทวางกลุ่มเป้าหมายในส่วนนี้สัดส่วน 30% ส่วนในอุตสาหกรรม จะช่วยลดต้นทุนในแง่การพลังงาน ตลอดจนการใช้บุคลากร โดยบริษัทวางสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายถึง 70%
สำหรับน้ำเชื่อมมิตรผล มีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ ซูโครสวีท เป็นสารละลายซูโครสระดับเข้มข้น 67% มีส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคสและฟรุคโตส ส่วนอินเวิร์ต สวีท เป็นน้ำเชื่อมที่พัฒนาจากสารละลายที่มีส่วนผสมของสารให้ความหวาน 3 ชนิด ได้แก่ ซูโครส กลูโคส และฟรุคโตส ซึ่งในช่วงแรกจะเปิดตัวในตลาดอุสหกรรมและกลุ่มเอสเอ็มอีนำร่อง และต้นปีหน้าวางแผนเปิดตัวในกลุ่มผู้บริโภค มุ่งเน้นผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดมากกว่าเทรดิชันนัลเทรด
นายคนอง กล่าวว่า แม้ว่าจะเปิดตัวสินค้าใหม่ในรูปแบบน้ำเชื่อม แต่ก็ยังคงเป็นสินค้าควบคุม ดังนั้นราคาจำหน่ายเมื่อเปรียบเทียบระหว่างน้ำเชื่อมและน้ำตาลปกติจึงไม่แตกต่างกัน แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้มากกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม 15 ราย อาทิ ไวตามิ้ลค์ไอศกรีมครีโม เป็นต้น
ดังนั้นคาดว่ากำลังการผลิตเต็ม 200 ตันต่อวันในปีหน้านี้ จากปีนี้กำลังการผลิต 100 ตันต่อวัน จึงวางแผนทุ่มงบ 200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 400 ตันต่อวัน รองรับกับการขยายตัวภายในประเทศและการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ นำร่องที่ประเทศฟิลิปปินส์เป็นแห่งแรก โดยมีลูกค้ากลุ่มอุสาหกรรมผลไม้แปรรูป
สำหรับภาพรวมตลาดน้ำตาลปีนี้คาดว่าหดตัวลง โดยในแง่ปริมาณ 1.9 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 2 ล้านตัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกระแสสุขภาพ อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดน้ำตาลยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าตลาดน้ำตาลทั่วโลกยังเติบโต 2-3% ส่วนสภาพตลาดน้ำตลาดในประเทศมีการแข่งขันรุนแรง แบ่งเป็น ตลาดอุตสาหกรรม 60% และกลุ่มผู้บริโภค 40%
ล่าสุดได้ปรับบรรจุภัณฑ์น้ำตาลกลุ่มผู้บริโภคให้เล็กลง 3 กลุ่ม ได้แก่ มิตรผล โกลด์ จาก 1 กก. เป็น 300 กรัม น้ำตาลไฮจีแพก 454 กรัม เป็น 220 กรัม และคริสตัล เป็นต้น เพื่อรองรับกับครอบครัวที่มีขนาดเล็กและกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุก สิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำด้วยการครองส่วนแบ่ง 18% อันดับ 2 เป็น ลิน เกือบ 15%
|
|
|
|
|