Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 กรกฎาคม 2546
ดีล"ทีพีไอโพลีน"ล่มศาลนัดใหม่ 22ก.ค.นี้             
 


   
search resources

ปูนซีเมนต์นครหลวง, บมจ.
นครไทยสตริปมิล, บมจ.
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป, บมจ.
ทีพีไอ โพลีน, บมจ.
ศาลล้มละลายกลาง
ทีพีไอโพลีนแพลนเนอร์
สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง
อรพิน เลี่ยวไพรัตน์
วีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ




ผลการขายหุ้นเพิ่มทุน "ทีพีไอโพลีน" ให้กับปูนซีเมนต์นครหลวงล่ม หลังจากกลุ่มผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ยื่นขออำนาจศาลเลื่อนออกไปอีก 2 สัปดาห์ เพราะต้องรอผลการเจรจาหาแหล่งเงินทุนใหม่ ขณะที่ศาลนัดพิจารณาใหม่ 22 กรกฎาคมนี้

วานนี้ (2 ก.ค.) ศาลล้มละลายกลาง นัดไกล่เกลี่ยกรณีการเพิ่มทุนของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ระหว่างผู้บริหารทีพีไอโพลีน คณะกรรมการเจ้าหนี้ และบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) หรือกลุ่มโฮลซิม ซึ่งเป็นผู้สนใจจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน

โดยกรอบการประชุมครั้งนี้ จะมีกำหนดสัดส่วนและเงื่อนไขและวิธีการซื้อหุ้นเพิ่มทุน แต่ปรากฏว่าการประชุมไม่สามารถสรุปได้ เนื่อง จากทีพีไอโพลีนให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างเจรจากับแหล่งเงินทุนใหม่ จึงขอเวลา 1-2 สัปดาห์ คาดว่าจะหาข้อสรุปกับแหล่งเงินทุนใหม่ได้ ดังนี้ศาลจึงนัดพิจารณาในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้

สำหรับประเด็นที่ทีพีไอโพลีน ยกมากล่าวอ้าง คือ การเจรจากับแหล่งเงินทุนรายใหม่ จะต้องมีรายละเอียดต่างๆ ที่ชัดเจน เพราะแผนการ เพิ่มทุนจะนำไปสู่การพิจาณาถอดถอนผู้บริหารแผนตามที่เจ้าหนี้ได้ยื่นต่อศาลขอถอดบริษัท ทีพีไอโพลีนแพลนเนอร์ ซึ่งมีนางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ เป็นผู้บริหาร ออกจากเป็นผู้บริหารแผน ทีพีไอโพลีน เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มทุนตามปรับโครงสร้างหนี้ในวงเงินขั้นต่ำ 180 ล้านเหรียญ ได้สำเร็จ

นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ รองประธานกรรมการ บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า บริษัทยังสนใจที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนของทีพีไอโพลีน โดยขณะนี้มีเงินทุนพร้อมซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 375 ล้านเหรียญสหรัฐอยู่แล้ว แต่เมื่อทีพีไอโพลีนมีทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุนใหม่ก็คงต้องรอผลการเจรจาก่อน หากไม่สำเร็จก็คงจะมีการหารือร่วมกันใหม่

"ปูนซีเมนต์นครหลวง ยังคงต้องการถือหุ้น ทีพีไอโพลีนในสัดส่วน 76% แต่ถ้าหากไม่ได้ตาม สัดส่วนที่กำหนดราคาในการซื้อ ก็จะมีการเปลี่ยน แปลงตามสัดส่วนของการถือหุ้นเช่นกัน และถ้าหากการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ไม่ประสบความ สำเร็จก็ไม่กระทบต่อแผนการทำธุรกิจแต่อย่างใด เพราะส่วนแบ่งทางการตลาดยังคงอยู่ในอันดับ 2 รองจากปูนซิเมนต์ไทยเช่นเดิม"

นายวีรพันธุ์ กล่าวยอมรับว่า โอกาสในการเข้าไปร่วมทุนกับทีพีไอโพลีนของเราป็นศูนย์ ไปแล้ว แต่เราก็ยังรอได้ ถ้าหากทางทีพีไอโพลีนยังไม่สามารถหาผู้ร่วมทุนได้ตามระยะเวลาที่ขอกับศาลไว้เพราะเป็นการทำเพื่อชาติ

นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีพีไอโพลีน ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด เพียงแต่ให้เหตุผลสั้นๆ ว่า ที่ต้องเลื่อนการประชุมออกไป เพราะมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม

แหล่งข่าวจากธนาคารเจ้าหนี้ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ทีพีไอโพลีนอาจจะรอดูผลการแก้ไขปัญหาของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ว่าจะออกมารูปแบบใด เพราะถึงขณะนี้ชัดเจนว่ารัฐบาล จะเข้ามาช่วยเหลือ โดยทางออกอาจจะขายหุ้นให้ กองทุนวายุภักษ์มาซื้อ ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ ของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือธุรกิจที่เป็นความมั่นคงของประเทศ

โบรกเกอร์กล่าวว่า สาเหตุที่การเจรจาขายหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอโพลีนให้แก่ปูนซิเมนต์นครหลวง ไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะว่าคงรอให้กองทุน วายุภักษ์เข้ามาซื้อเอง หลังจากมีความชัดเจนแล้ว อีกทั้งปูนซีเมนต์นครหลวงก็มีผู้ถือหุ้นคือกลุ่มโฮลซิมจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หากให้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในทีพีไอโพลีน จะทำให้กลุ่มโฮลซิม ผูกขาดการทำธุรกิจปูนซิเมนต์ไทย เพราะจะก้าว ขึ้นมาเป็นรายใหญ่ในธุรกิจ และจะส่งผลต่อราคา ปูนหากมีการปรับขึ้นก็กระทบทั้งระบบ

"สวัสดิ์" ยันรัฐบาลเดินถูกทางแล้ว

ขณะเดียวกันนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานกลุ่ม บริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NTS ได้กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "ลบความทรงจำวิกฤติฟองสบู่ สู่ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ตั้งแต่ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเอ็นทีเอสยังไม่ผ่านพ้นวิกฤติทั้งหมด โดยมี NTS ที่สามารถผ่านไปได้แล้ว ขณะที่บริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) หรือ NSM ยังคงยืดเยื้ออยู่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา อีกประมาณ 1-2 เดือนถึงจะเรียบร้อย

"วิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา ผ่านพ้นไปหรือยังเป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะเป็นกระแสโลกาภิวัตน์ที่เข้ามามีผลกระทบเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้คาดเดาได้ลำบาก โดยขณะนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็ทำให้การส่งออกทำได้ยากขึ้น ขณะที่ การนำเข้าอาจจะได้รับผลดี เป็นต้น"

สำหรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่มีการปรับลดลงนั้น ก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะจะเป็นปัจจัยที่ฉุดให้กำลังซื้อในส่วนนี้ลดลง ในขณะที่ธุรกิจบัตรเครดิตเองอาจจะได้รับผลดี และมีปริมาณการใช้จ่ายมากขึ้น

นายสวัสดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ดอกเบี้ย เงินกู้และเงินฝากยังถือว่ามีส่วนต่างกันอยู่อีกมาก ถ้าหากในช่วงปี 2540 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงอยู่ในระดับปัจจุบันคือประมาณ 5-6% ประเทศไทยก็คงไม่ต้องประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนกับที่ผานมา

ส่วนประเด็นมาตรการของทางการที่เข้ามามีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจนั้น นายสวัสดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลดำเนินการมาถูกทางแล้ว เพราะปัจจุบันมาตรการของรัฐบาลเป็นเพียงกลไก เดียวที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลให้เอกชนเดินตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอดูผลจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลว่าจะออกมาในรูปใด อาทิ โครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นต้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us