Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 กรกฎาคม 2546
"สมคิด" ยกเครื่อง ททท. สั่งเน้นท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ             
 


   
www resources

โฮมเพจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

   
search resources

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
จุฑามาศ ศิริวรรณ
Tourism




" สมคิด" ชี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเอเชียเปลี่ยนภาพ หลังวิกฤตซาร์สสงบ ทุกประเทศ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านสุขอนามัยมากกว่าความพึงพอใจอย่างเดียว หลังทุกประเทศเอเชียปลอดซาร์สเตรียมขอให้ดับบลิวเอชโอ ประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าเอเชียปลอดซาร์ส พร้อมกับเร่งยกเครื่อง ททท. ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เน้นท่องเที่ยวคุณภาพมากกว่าปริมาณ เร่งพัฒนาสินค้าท่องเที่ยว เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายแหล่งท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ดันไทยสู่ศูนย์กลาง การท่องเที่ยวเอเชีย ด้าน ททท. ประกาศเป้าหมายปี 47 ดันรายได้ตลาดต่างประเทศโต 18% วานนี้ (2 ก.ค.) คณะกรรมาธิการ 5 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน คณะกรรมาธิการ การสาธารณสุข คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว คณะกรรมาธิการการแรงงาน และคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดสัมมนาไทยปลอดซาร์ส ยุทธศาสตร์สู่โลก ซึ่งจัดโดยวุฒิสภา

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานปาฐกถาพิเศษ โดยกล่าวว่า เหตุการณ์โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) เป็นภัยร้ายแรงที่ส่งผลกระทบกับทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จากเดิมที่คาดว่าภัยจากสถานการณ์สงครามสหรัฐฯ-อิรัก จะกระทบกับการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง แต่พอเกิดโรคซาร์สขึ้นในภูมิภาคเอเชีย จึงเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างรุนแรงมากกว่า

ผลกระทบจากโรคซาร์สต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยหลังจากซาร์สสงบแล้วในขณะนี้ประเมินว่า รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวลดลง 60% ส่วนนักท่องเที่ยวคาดว่าลดลง 50% จากทุกภูมิภาคทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์โรคซาร์สจะสงบลงแล้ว แต่คาดว่าความกังวลและความหวาดกลัวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียยังคงได้รับผลกระทบอยู่อีกไม่น้อยกว่า 1-2 เดือน แต่หลังจากทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียถูกปลดจากการเป็นประเทศแพร่ระบาดของโรคซาร์สแล้ว ต้องการขอความร่วมมือจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ประกาศว่าทั้งภูมิภาคเอเชียปลอดภัยจากโรคซาร์ส เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

นายสมคิด กล่าวต่อว่า สถานการณ์โรคซาร์สที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนให้กับทุกประเทศในเอเชีย ตระหนักว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวทั่วโลก จะคำนึงถึงการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย มากกว่าความพึงพอใจเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่ไทยต้องให้ความสำคัญสูงสุด คือ ความปลอดภัยในชีวิตของท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งของการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว มากกว่าการเกรงกลัวต่อภัยก่อร้าย และอื่นๆ

หลายประเทศในเอเชียได้ใช้วิกฤตโรคซาร์สเป็นโอกาสในการปรับโฉมประเทศใหม่ เช่น จีน ที่ได้ลุกขึ้นมาปฏิวัติระบบสาธารณสุขทั้งประเทศใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานสุขภาพอนามัยของคนจีนทั้งประเทศให้ดีขึ้น

ปรับยุทธ์ศาสตร์ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ

สำหรับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จำเป็นต้องปรับตัว เพราะการท่องเที่ยวขณะนี้ก้าวสู่ยุค Globalization ที่ทุกประเทศทั่วโลกติดต่อสื่อสารกันอย่างใกล้ชิด ดังนั้นทิศทางการท่องเที่ยวของไทยจะต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเปลี่ยนจากการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ สู่เชิงคุณภาพ ต้องให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยเป็นอันดับแรก ดังนั้นการทำตลาดท่องเที่ยวแบบเก่าที่เน้นให้นักท่องเที่ยวมาชอปปิ้ง เป็นกลยุทธ์ที่ไม่สามารถจูงใจนักท่องเที่ยว ได้อีกต่อไป

การปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของประเทศไทย จะต้องเริ่มที่การยกเครื่องททท. ที่จะต้องปรับกระบวนการ และกิจกรรมการท่องเที่ยวใหม่ โดยเริ่มจากปรับปรุงสินค้าทางการท่องเที่ยว และพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้เจาะนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม เพื่อนำไปสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในอนาคต

ปัจจุบันไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูงสุดในเอเชีย โดยสามารถก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเอเชียได้ แต่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ด้วย เพราะการท่องเที่ยวในอนาคตจะเป็น การท่องเที่ยวแบปฏิสัมพันธ์ของ 2 ประเทศขึ้นไป

นายสมคิด กล่าวต่อว่า การเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต จะเริ่มที่ระดับประเทศต่อประเทศ หลังจากนั้นจะเชื่อมโยงจุดท่องเที่ยวต่อจุดท่องเที่ยว โดยในระยะแรกรัฐบาลจะเป็นผู้นำในการดำเนินนโยบายเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แต่หลังจากนั้นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ ร่วมทั้งภาคเอกชน สามารถดำเนินการร่วมกันเองได้ เช่น การเพิ่มเส้นทางบินระหว่างจุดท่องเที่ยวต่อจุดท่องเที่ยว ของสายการบินต่างๆ

รูปแบบการปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทยจะเริ่มที่ภาครัฐ ด้วยการปรับรูปแบบการจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวใหม่ ที่ต่อไปงบประมาณด้านการท่องเที่ยวจะไม่ได้อยู่ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพียงแห่งเดียว แต่จะกระจายงบสู่หน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อ นำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดการรณรงค์อย่างยั่งยืน

ททท.รับลูกดันรายได้ปี47เพิ่ม 18%

นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันถือว่าสถานการณ์โรคซาร์สได้สงบลงแล้ว โดยดูได้จากสถิติการเดินทางของนักท่องเที่ยวในเดือน มิ.ย. ถือว่าเกือบกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ซึ่งการบินไทยก็ได้เพิ่มเที่ยวบินทุกเส้นทางสู่ภาวะปกติตั้งแต่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา

สำหรับแผนการตลาด ททท. ในปี 2547 ที่กำลังอยู่ระหว่างการประชุมกับสำนักงาน ททท. ทั่วโลกขณะนี้ คือการปรับยุทธศาตร์การท่องเที่ยวใหม่ ที่จะเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ซึ่ง ททท. ได้ตั้งเป้าหมายรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าเพิ่มขึ้น 18% จากรายได้ 302,600 ล้านบาทในปีนี้ ถือเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงมากเมื่อเทียบกับทุกๆปี โดยจะผลักดันให้นักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น ด้วยการสร้างกิจกรรม หรือสินค้าการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มและกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในแต่ละวันสูงขึ้น ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าได้ตั้งเป้าหมายไว้ 11.01 ล้านคน จากตัวเลข 9.86 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากสถานการณ์โรคซาร์ส

จัดประชุมแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ

นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ประธานกรรมาธิการต่างประเทศวุฒิสภา กล่าวว่า จากการระดมความคิดเห็นของภาคเอกชน ด้านการท่องเที่ยว ที่ประกอบด้วย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมค้าปลีก สมาคมผู้ค้าอัญมณี เป็นต้น เกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากโรคซาร์ส ซึ่งคณะกรรมาธิการทั้ง 5 คณะ มีความเห็นว่าภาครัฐควรจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพบริการการท่องเที่ยวในระยะยาว ส่วนในต่างประเทศควรประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ของรัฐ และควรมีศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคจำนวนมาก ที่ไม่ได้อยู่ในสมาคมท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคซาร์ส โดยความช่วยเหลือจากรัฐบาลด้านการละเว้นภาษี การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำยังเข้าไปไม่ถึง ซึ่งเชื่อว่าอาจจะมีผู้ประกอบการรายเล็กในท้องถิ่นต้องปิดกิจการลงจำนวนมาก

รวมทั้งได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการอัญมณีที่ไม่ได้หลอกลวงต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว แต่ได้รับผลกระทบจากทัวร์คุณภาพต่ำและทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภา จะจัดประชุมเกี่ยวกับผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญในวันพฤหัสฯหน้า เพื่อหาขอสรุปจากที่ประชุมดังกล่าว และข้อสรุปจากการประชุมผลกระทบโรคซาร์สวานนี้ เสนอต่อคณะรัฐบาลเพื่อหามาตรการช่วยเหลือ และแก้ไขในเร็วๆ นี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us