Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์30 มิถุนายน 2551
ซิตี้คอนโดจัดทัพการตลาดใหม่รับมือยุค “ยิ่งขายเร็วยิ่งเจ็บตัว”             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์

   
search resources

แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.
Real Estate
โอภาส ศรีพยัคฆ์




*คอนโดมิเนียมแห่ปรับสูตรการขาย-การตลาด ลดปัญหาคุมราคา“เหล็ก-น้ำมัน”ไม่ได้
*ใช้วิธีแบ่งล็อตขาย ล็อตใหม่ปรับราคาขายตามต้นทุนใหม่ หรือรอยอดขายเกินครึ่ง ค่อยเริ่มก่อสร้าง
*หมดยุคปิดขายหมดในวันเดียว เหตุยิ่งขายมาก ยิ่งเสี่ยงสูง

สถานการณ์ราคาน้ำมันและเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นรายวัน ทำให้การก่อสร้างคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับเหมาที่มีสภาพคล่องต่ำ ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการทิ้งงานของผู้รับเหมา หรือการขายยกโครงการต่อให้ดีเวลลอปเปอร์ที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมากกว่ามาดำเนินการแทนแล้ว หรือบางโครงการจะสามารถปิดการขายได้แล้ว แต่ก็พบว่าราคาขายที่ตั้งไว้ไม่ครอบคลุมต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การพัฒนาคอนโดมิเนียมต้องใช้เวลาก่อสร้างอย่างน้อย 1-2 ปี จึงจะมีการรับรู้รายได้ กลายเป็นความเสี่ยงสูงสำหรับดีเวลลอปเปอร์ที่ฐานะทางการเงินไม่แข็งแกร่ง ที่อาจจะมีปัญหาในการพัฒนาโครงการไม่เสร็จ

LPN แบ่งล็อตขาย ลดความเสี่ยงต้นทุนพุ่ง

โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า โครงการส่วนใหญ่ของบริษัทจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี จึงมีความเสี่ยงเรื่องผลกระทบของต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยปัจจุบันต้นทุนปรับสูงขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 10% ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับแผนในการดำเนินงาน โดยจะเริ่มก่อสร้างเมื่อได้รับรายงานสิ่งแวดล้อมแล้ว และจะแบ่งขายโครงการคอนโดเนียมเป็นล็อตๆ โดยแต่ละล็อตจะกำหนดราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนในขณะนั้น ซึ่งล็อตใหม่จะเป็นราคาที่สูงกว่าล็อตเก่าที่เปิดขายในช่วงแรก เมื่อการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ ราคาขายช่วงเริ่มต้นจนแล้วเสร็จมีความแตกต่างกัน 10% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ต่างกันเพียง 5%

สำหรับโครงการล่าสุด "ลุมพินี เพลส พระราม 9-รัชดา" บนพื้นที่ 15 ไร่ ติดถนนพระราม 9 ใกล้แยก อสมท. แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส เฟสละ 1,165 ยูนิต มูลค่ารวม 5,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยพัฒนามา โดยในวันแรกจะเปิดขายเพียง 30% ของเฟสแรก ราคาเริ่มต้น 51,000 บาทต่อตร.ม. ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของโครงการอื่นๆ ในย่านเดียวกันซึ่งอยู่ที่ 65,000 บาทต่อ ตร.ม. คาดว่าจะมียอดขาย 30% หรือมูลค่า 1,000 ล้านบาท และภายใน 6 เดือนจะเปิดการขายอีกครั้งจนมียอด 50% ก็จะหยุดขาย เพื่อรอดูราคาวัสดุก่อสร้าง ก่อนกำหนดราคาขายสำหรับล็อตต่อไป โดยเฟสแรกราคาขายเริ่มต้น 57,500-62,000 บาทต่อ ตร.ม. ซึ่งโอภาสกล่าวว่า การแบ่งขายโครงการเป็นล็อต อาจทำให้เสียโอกาสทางการตลาดบ้าง แต่ก็เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับราคาวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากคอนโดมิเนียมใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ถึง 2 ปีครึ่ง

โอภาสเชื่อว่าภายหลังได้ปรับกลยุทธ์ต่างๆ ใหม่แล้ว รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการทางภาษีในปีนี้ น่าจะทำให้บริษัทสามารถรักษากำไรสุทธิไว้ได้เท่ากับปีที่แล้วประมาณ 16%

รอยอดขาย 50% ค่อยเริ่มสร้าง

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม โฮมออฟฟิศ และอพาร์ตเมนต์บนพื้นที่ 8 ไร่ย่านพระราม 9 ของ นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ราชธานี กรุ๊ป ก็เปลี่ยนวิธีในการทำตลาดที่แตกต่างจากดีเวลลอปเปอร์รายอื่นๆ ด้วยการขายยกล็อตหรือยกตึกให้กับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เช่น กลุ่มเกาหลี ไต้หวัน แทนการขายให้กับลูกค้ารายย่อย ซึ่งทำให้ยอดขายไปได้ช้ากว่า รวมทั้งมีความเสี่ยงเรื่องกำลังซื้อที่หดตัวลง โดยบริษัทฯ ได้ลดความเสี่ยงเรื่องต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วยการเริ่มต้นก่อสร้างเมื่อมียอดขายแล้วอย่างน้อย 50% เพื่อให้สามารถกำหนดราคาขายในยูนิตที่เหลือได้สอดคล้องกับต้นทุนในขณะนั้นได้

ซี.พี.แลนด์-แมกโนเลียฯ ผนึกกำลังเร่งทำตลาด

ในส่วนของบริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด ในเครือซี.พี. ได้ตัดสินใจจับมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของบุตรสาว “ธนินท์ เจียรวนนท์” หัวเรือใหญ่ ซี.พี. ตั้งบริษัท ซี.พี.แมกโนเลีย คอร์เปอเรชั่น จำกัดขึ้น เพื่อพัฒนาโครงการเดอะ เฌอ พัทยา คอนโดมิเนียม 7 ชั้น บนที่ดิน 29 ไร่ ใจกลางเมืองพัทยาใต้ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการขนาดใหญ่มีถึง 6 อาคาร รวม 792 ยูนิต ถือว่ามีความเสี่ยงสูงเรื่องต้นทุนการก่อสร้างเช่นกัน ซึ่งสมเกียรติ เรือนทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด กล่าวว่า การจับมือเป็นพันธมิตรกับแมกโนเลียฯ ถือเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัทมาเสริมซึ่งกันและกันให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับโครงการเดอะ เฌอ ทั้งสองบริษัทจะเข้ามาช่วยกันทำตลาดโดยใช้ฐานลูกค้าที่ตนเองมีอยู่ เชื่อว่าจะช่วยให้โครงการสามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ 50% และจัดโปรโมชั่นในวันเปิดตัว คือ One Day One Price วันเดียวราคาเดียวในวันที่ 28 มิ.ย. นี้ โดยเปิดให้จองตั้งแต่ชั้น 1-6 ในราคาเดียว คือ 46,500 บาทต่อ ตร.ม. เฉพาะเฟสแรก 2 อาคาร รวม 264 ยูนิต   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us