บริษัท ททบ.5 จำกัด มั่นใจผลประกอบการปีนี้มีกำไรเป็นปีแรก อันเป็นผลจากการปรับโครงสร้างบริษัทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
โดยจะดูแลกิจการของ 3 บริษัทลูก คือ ททบ.5 มาร์เก็ตติ้ง, ททบ.5 เรดิโอ,ททบ.5 โปรดักส์ชั่น
และโครงการโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็นที่ได้สัมปทานบริหาร จากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง
5 เป็นเวลา 3 ปี ส่งผลปลายปีมีกำไร 120 ล้านบาท คาด เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในไตรมาส
3 ของปีนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินปลายปี
พล.ท.ณรงค์ เจริญฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ททบ.5 จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง
5 ได้มอบหมายให้บริษัท ไพร้ซ วอเตอร์ เฮาส์ คูเปอร์ส จำกัด เข้ามาปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่
และแล้วเสร็จเมื่อต้นปี 2546 เป็นต้นมา ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัท ททบ.5 จำกัด
ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ช่อง 5) เป็นผู้ถือหุ้น 100% จะทำหน้าที่ดูแลกิจการ
ของบริษัทลูก 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ททบ.5 มาร์เก็ตติ้ง จำกัด, บริษัท ททบ.5
เรดิโอ จำกัด และบริษัท ททบ.5 โปรดักส์ชั่น จำกัด
ล่าสุดบริษัท ททบ.5 จำกัด ยังได้รับสัมปทานในการบริหารโครงการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม
ทีจีเอ็น จากช่อง 5 เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยบริษัทจะต้องจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ช่อง
5 เป็นเงิน 80 ล้าน บาท และค่าเช่าสัญญาณดาวเทียมให้แก่ช่อง 5 เป็นเงิน 100 ล้านบาทต่อปี
การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ในครั้งนี้ส่งผลให้ ผลประกอบการของ บริษัท ททบ.5 จำกัด
ในปีนี้ มีกำไรเป็นครั้งแรก หลังจากปี 2545 ผลประกอบการติดลบอยู่ 11 ล้านบาท ในปี
2546 ททบ.5 จะมีรายได้ 570 ล้านบาท มีกำไร 120 ล้านบาท ซึ่งกำไรนี้แบ่งเป็นกำไรจากโครงการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็น
70 ล้านบาท จากททบ.5 มาร์เก็ตติ้ง 30 ล้านบาท, ททบ.5 เรดิโอ 15 ล้านบาท และจาก
ททบ.5 โปรดักส์ชั่น 5 ล้านบาท ในขณะที่เป้าหมายรายได้ในปี 2547 คาดว่า จะเติบโตจากปีนี้
10% และมีผลกำไร 150 ล้านบาท
ผลกำไรที่เกิดขึ้นนี้พล.ท.ณรงค์ กล่าวว่า เป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กร ที่ทำให้บริษัทตัดบริษัทที่ไม่ทำกำไรออกไป
ลดจำนวนบุคลากร ปรับปรุงวิธีการทำงานเพื่อให้บุคลากรที่มีอยู่ขายเวลาได้มากขึ้น
รวมทั้งการทำธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็นอย่างจริงจัง หลังจากทดลองออกอากาศมานานถึง
5 ปีเต็ม
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้หรืออย่างช้าไม่เกินปลายปี น่าจะนำบริษัท
ททบ.5 จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ โดยปัจจุบัน บริษัทได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาการเงินคือ
กิมเอ็ง เป็นผู้ดำเนินการเรื่องการเพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 250 ล้านบาท เป็น 660
ล้านบาท โดยมีกองทุน ประมาณ 3 รายเข้ามาถือหุ้น และในช่วงไตรมาส 3 จากเพิ่ม ทุนด้วยการกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปอีก
440 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีทุกจดทะเบียนเป็น 1,100 ล้านบาท
สำหรับเงินที่ได้มานี้จะนำไปใช้ขยายกิจการของบริษัทในเครือ โดยเฉพาะการขยายโครงการโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็น
ด้วยการปรับปรุงรายการให้เป็นประโยชน์และตรงกับความต้องการของประชาชนมากขึ้น การขยายงานของททบ.5
มาร์เก็ตติ้ง รวมทั้งสื่อวิทยุ และการผลิตรายการ ที่จะมีมากขึ้นด้วย
ปรับผังรายการโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็น
สำหรับโครงการโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็น ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรให้แก่บริษัทมากที่สุดนั้น
เพื่อให้โครงการดังกล่าวเข้าสู่การบริหารงานแบบธุรกิจมากขึ้น บริษัทได้ปรับผังรายการครั้งใหญ่
เพื่อให้การแพร่ภาพรายการต่างๆ ดำเนินไปตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีการ นำรายการมาฉายซ้ำอีก
จากที่ก่อนหน้านี้จะใช้เวลาออกอากาศ 12 ชั่วโมงและฉายซ้ำ 12 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ในเวลาทั้งหมดที่มีอยู่ บริษัท ททบ.5 จำกัด จะได้สัมปทานเวลามาเพียง
70% เท่านั้น ส่วนอีก 30% ที่เหลือ ช่อง 5 จะเป็นผู้บริหารเวลาเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะนำเสนอรายการข่าวของช่อง
5 เป็นหลัก ในขณะที่เวลาที่บริษัทได้สัมปทานมานานนั้น จะนำมาจัดสรรให้แก่ผู้จัดรายการรายใหญ่
70% ผู้จัดรายย่อยและของบริษัทในคเรือ ททบ.5 30% โดยรายได้จากทีจีเอ็น จะมาจากการให้เช่าเวลา
สัดส่วน 70% และขายโฆษณา 30% ซึ่งเวลาที่บริษัทขายให้แก่ผู้จัดนั้น ในช่วงไพรม์ไทม์
จะคิดค่าเช่าเวลาชั่วโมงละ 60,000 บาท ส่วนนอกเวลาไพรม์ไทม์ จะคิดชั่วโมงละ 50,000
บาท
ส่วนรูปแบบรายการใหม่นั้นจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2546 เป็นต้นไป
โดย บริษัทได้เพิ่มรายการข่าว และรายการที่สนับ สนุนโยบายของรัฐบาล ทั้งด้านการท่องเที่ยว
อาหาร และสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น โดยมีสัดส่วนรายการดังนี้ รายการข่าว
เพิ่มขึ้นจาก 12% เป็น 14%, รายการเกมโชว์ วาไรตี้ ลดสัดส่วนจาก 45% เหลือ 38%,
รายการกีฬา ท่องเที่ยว อาหาร เพิ่มจาก 9% เป็น 14%, ละคร เพลง ลดสัดส่วนจาก 21%
เป็น 20% และรายการสาธารณชน ธรรมะ การศึกษา รายการเด็ก เพิ่มจาก 11% เป็น 14%
ปัจจุบันโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็น แพร่ภาพผ่านดาวเทียมใน 155 ประเทศทั่วโลก ใน
5 ทวีป และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2546 จะขยายพื้นที่การแพร่ภาพเป็น 170 ประเทศ ซึ่งจะเริ่มแพร่ภาพในนิวซีแลนด์
ซึ่งมีนักศึกษาไทยอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน และในวันที่ 1 ม.ค.2547 จะเริ่มแพร่ภาพในอเมริกาใต้อีก
14 ประเทศ ซึ่งพื้นที่การแพร่ภาพทั้งหมดนี้ คาดว่าจะมีผู้ชมรับชมรายการโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็นประมาณ
3 ล้านคนทั่วโลก
พ.อ.สุรศักดิ์ ศุขะ หัวหน้าสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทีจีเอ็น กล่าวเพิ่มเติมว่า
การปรับผังรายการในครั้งนี้เป็นเพียงเฟสแรก ซึ่งช่วง ต่อไปบริษัทจะพิจารณาเพิ่มรายการส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมของชาติ
เช่น ลิเก ลำตัด เพลงไทย ภาพยนตร์ไทย รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้จัดรายเล็ก รายใหญ่
เข้ามาช่วยทำรายการ ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทยในต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย