|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังแถลงการณ์คงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 51 ที่ระดับ 5-6% ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับใหม่จาก มาอยู่ที่ 7.2% ยันแม้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจนกดดันอัตราเงินเฟ้อต่อเนื่อง แต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังรับมือความเสี่ยงได้
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สศค.กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและสามารถรองรับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกประเทศได้ดี โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2551 คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 5.0-6.0 ต่อปี เท่ากับประมาณการครั้งก่อน ณ เดือนมีนาคม 2551 และปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 4.8 ต่อปี เนื่องจากได้รับแรงส่งต่อเนื่องจากอัตราการขยายตัวในไตรมาส 1 ปี 2551 ที่สูงถึงร้อยละ 6.0 ต่อปี
อย่างไรก็ตาม สศค.ได้ปรับคาดการณ์ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจอื่นๆ ของปี 51 ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 7.2% จากเดิม 4.3-4.8% ส่วนการบริโภคจะขยายตัว 4.1% การลงทุนขยายตัว 8.3% การส่งออกในแง่ปริมาณขยายตัว 8% การนำเข้าในแง่ปริมาณขยายตัว 9.7% เกินดุลการค้าในระดับ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
"เหตุผลที่ยังคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้ที่ 5.0-6.0% หรือเฉลี่ยที่ 5.6% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสามารถรองรับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกประเทศได้ดี" นางพรรณีกล่าวและว่า แรงขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภายนอกประเทศยังขยายตัวได้ดี ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าใหม่ในเอเชียและตะวันออกกลางที่เติบโตในระดับสูง และเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงกว่าที่คาดการณ์เดิม ส่งผลให้การส่งออกของไทยที่เปลี่ยนไปยังตลาดใหม่ยังคงเติบโตได้ดี ตลอดจนอุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าเกษตร การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ มาตรการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของภาคเอกชนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ลดลง
นางพรรณีกล่าวถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศในปี 51 ว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่ายังคงเกินดุลที่ร้อยละ 1.0 -2.0 ของจีดีพี แต่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศในปี 2551 มีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 6.0-8.0 ต่อปี ตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก
ด้านนายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ไม่ได้เข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า Stagflation หรือภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ยังสามารถขยายตัวได้ดี แต่ก็เห็นว่าภาครัฐควรจะเร่งเพิ่มรายได้ก่อนที่จะปัญหาเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบไปมากกว่านี้
"กลุ่มที่รัฐบาลควรจะเข้าไปช่วยเหลือ คือ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย, ข้าราชการ และผู้เกษียณอายุ ที่ควรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 5-6% ส่วนกลุ่มเกษตรกรแม้จะเป็นฐานประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ขณะนี้ถือว่ามีรายได้ดีขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือมากนัก" นายคณิศ กล่าวและว่า หากอัตราเงินเฟ้อขึ้นไปถึง 2 หลักจริง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะต้องปรับขึ้นไปถึง 160-165 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะต้องติดตามราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด รวมถึงกรณีที่รัฐบาลส่งเสริมให้ใช้น้ำมัน E85 และไบโอดีเซลว่าจะเกิดขึ้นเร็วเพียงใด
|
|
|
|
|