|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พิษเศรษฐกิจรุนแรง สินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น กลุ่มลักชัวรี่แบรนด์เจอหางเลข "ล้ำยุค" ยังต้องปรับเป้าโตเพียง 25% น้อยกว่าปีก่อนที่ทำยอดโตสูงถึง 30% แต่ยังมั่นใจศักยภาพในแบรนด์ "เพลย์บอย" รุกเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มอันเดอร์แวร์สำหรับผู้ชาย เอาใจสาวก หลังพบตลาดชั้นในชาย มีอนาคต ล่าสุดผุดชอปแรกในพารากอน มั่นใจกู้รายได้เข้ากระเป๋าอีก 30 ล้านบาทในปีแรก คิดเป็น 5% ของตลาดลักชัวรี่ชั้นในชายมูลค่า 600 ล้านบาท
นายวรวุฒิ หวังวรวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ล้ำยุค (มิลเลนเนี่ยม 2002) จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาท และอื่นๆ ส่งผลให้ยอดการใช้เงินของลูกค้าลดลงประมาณ 30% ของการใช้จ่ายแต่ละครั้ง จาก 3,000 บาทในปีก่อน ปีนี้เหลือประมาณ 2,000 บาท ทำให้ทางบริษัทฯได้ปรับเป้าการเติบโตปีนี้ไว้เพียง 25% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 340 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 200 กว่าล้านบาทในปีก่อน ซึ่งถือเป็นตัวเลขการเติบโตที่น้อยกว่าปีก่อนที่ทำได้ 30% ซึ่งยอดการเติบโต 25% นี้ ยอมรับว่าค่อนข้างวางไว้สูงในภาวะปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะพยายามให้มากที่สุด เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ามาได้เกือบครึ่งทางแล้ว เพราะมียอดการเติบโตได้ประมาณ 10% แล้ว
อย่างไรก็ตามแผนการทำตลาดในกลุ่มแบรนด์สินค้า เพลย์บอย ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ อย่าง ชุดชั้นในชาย ซึ่งถือเป็นประเทศที่ 4 ของโลกที่เปิดตัวและเป็นประเทศแรกในเซาส์อีสเอเชียที่ทำตลาด จับกลุ่มลูกค้าชายทุกกลุ่ม ในระดับลักชัวรี่แบรนด์ ชื่นชอบเรื่องของแฟชั่น โดยนำเข้า 70% และผลิตในประเทศ30% ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 690-1,190 บาท ผ่านช่องทางจำหน่ายอย่างร้านชิคคลับ จำนวน 9 สาขา ในกรุงเทพฯ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำในต่างจังหวัด ภายใต้งบประมาณทางการตลาดกว่า 25 ล้านบาท สำหรับทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย การทำCRM ผ่านกลุ่มลูกค้าสมาชิกวีไอพีประมาณ 3,000 ราย เพิ่มช่องทางการตลาดผ่านระบบอีคอมเมิร์ช รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรกลุ่มบันเทิง อย่าง โรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกาย ค่ายเพลง และกลุ่มบัตรเครดิต เพื่อส่งเสริมบริการหลังการขายที่จะให้กับลูกค้า
อีกทั้งบริษัทฯยังได้ร่วมกับทางสยามพารากอน ในการนำสินค้าแอสเซสเซอรี่สำหรับผู้ชายทั้งหมดรวมถึงชั้นในชาย ภายใต้แบรนด์ เพล์ยบอย มาวางจำหน่ายในเคาน์เตอร์เดียวกันด้วย ซึ่งโครงการนี้ถือว่าไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่มีโมเดลดังกล่าว ทั้งนี้ทางบริษัทฯยังได้ลิขสิทธิ์ไลน์ชั้นในชาย สำหรับจำหน่ายยังกลุ่มเซาส์อีสเอเชียด้วย ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า และเวียดนาม โดยคาดว่าโครงการจำหน่ายไปยังต่างประเทศนั้น ช่วงปลายปีน่าจะสรุปตัวเลขการลงทุนออกมาได้
ทั้งนี้คาดว่าปีแรกไลน์สินค้าชั้นในชาย จะสร้างรายได้ที่ 30 ล้านบาท คิดเป็น 5% ของตลาดลักชัวรี่ชั้นในชาย มูลค่า 600 ล้านบาท ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 340ล้านบาท มาจากแบรนด์ เพลย์บอย 90% ส่วนอีก10% มาจากแบรนด์แพทคลับ และเซเว่น สเตปส์ รวมถึงอีก2แบรนด์ที่จะนำเข้าในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ คือ อาร์โนล พาร์เมอร์ และมาร์ค ฟาร์เวล
นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการลงทุนเกี่ยวกับการขยายสาขาร้านชิคคลับ ปีนี้บริษัทฯจะขยายเพิ่มขึ้นประมาณ 10สาขา จากทั้งหมด 50 สาขาในปัจจุบัน แบ่งเป็น ชอป 13 สาขา (รวม 4 สาขาที่เปิดในปีนี้) และ 37 สาขาเป็นเคาร์เตอร์เซลล์ ซึ่งแผนการขยายสาขาในปีนี้จะน้อยกว่าในปีก่อน เนื่องจากต้องการเน้นทำเล ที่สร้างยอดขายได้จริง ภายใต้งบลงทุน 30 ล้านบาท ขณะนี้ใช้ไปเพียง 15 ล้านบาท ที่เหลือกำลังมองหาทำเลที่เหมาะสมอยู่ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวอย่าง สมุย กระบี่ และภูเก็ต
|
|
|
|
|