|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้บริหาร ซาบีน่า แย้ม ราคาหุ้นพุ่งอาจเป็นนักลงทุนขาใหญ่เข้าเก็บหุ้น เตรียมปรับราคาชุดชั้นในล็อตใหม่ที่จำหน่ายใน4 เดือนข้างหน้า 5-10% ขณะที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เล็งหันขายต่างประเทศมากขึ้น จากปัญหาเงินเฟ้อสูง -การเมืองกำลังซื้อในประเทศลดลง "บุญชัย" ค่าเงินบาทอ่อนส่งผลดีรับกำไรออร์เดอร์โออีเอ็มมากขึ้น ดันกำไรสุทธิปีนี้โตมากกว่า12% จากปีก่อน
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)หรือSABINA เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ซึ่งสวนกับตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง ซึ่งบริษัทไม่ทราบว่านักลงทุนกล่มใดเข้ามาลงซื้อหุ้นของบริษัทโดยต้องรอให้ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ก่อนถึงจะทราบ ซึ่งส่วนตัวมองว่าอาจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ หรือกองทุนเข้ามาซื้อหุ้น ประกอบกับจำนวนหุ้นของบริษัทมีจำนวนที่น้อยเมื่อมีความต้องการซื้อทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ คาดว่ารายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะชะลอตัวจากการที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและปัจจัยทางการเมือง ส่งผลให้ประชาชนลดค่าใช้จ่ายลง บริษัทจึงจะหันไปส่งออกสินค้าไปจำหน่ายต่างประเทศทั้งในภายใต้แบรนด์ของบริษัทและการรับจ้างผลิต(โออีเอ็ม)มากขึ้น เป็น 45% และลดรายได้จากการขายในประเทศเหลือ 55% จากต้นปีนี้ที่บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศ 40% ส่วนรายได้จากการขายในประเทศที่ 60%
สำหรับการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงนั้น ส่งดีต่อบริษัททำให้มีกำไรมากขึ้น ในส่วนของคำสั่งซื้อสินค้า (ออร์เดอร์)จากต่างประเทศที่รับแล้วและออร์เดอร์ใหม่ที่จะเข้ามา บริษัทจึงมีแผนขายต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งกับเปลี่ยนกลุ่มตลาดต่างประเทศจากอเมริกาไปยังตลาดยุโรป ทำให้บริษัทมีกำไรจากการขายมากขึ้น เนื่องจากราคาจำหน่ายในยุโรปสูงกว่าอเมริกา
ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทปีนี้ขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 12 % ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มสูงกว่าปี 50 และถือว่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยปี 50 บริษัทกำไรสุทธิ 122.7 ล้านบาท แต่บริษัทยังคงมีเป้าหมายที่จะเน้นทางด้านการขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองมากขึ้น เพื่อจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย โดยคาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 2 ,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 10 % จากปี 50 ที่มีรายได้ 2,000 ล้านบาท
นายบุญชัย กล่าวว่า สำหรับยอดขายของบริษัท 5 เดือนแรกปีนี้ยอดขายดีขึ้น จากที่ในช่วงเดือนพฤษภาคม นั้นถือว่าเป็นช่วงที่บริษัทมียอดขายที่ดีที่สุดเนื่องจาก เป็นช่วงที่ใกล้เปิดเทอมของนักเรียนนักศึกษาที่จะต้องมีการซื้อสินชุดชั้นในใหม่เพื่อรอเปิดเทอม ส่งผลให้ไตรมาส2/51บริษัทมีรายได้ดีกว่าไตรมาส1/51 ที่บริษัทมีรายได้รวม 480 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท แต่ในช่วงไตรมาส3/51เป็นช่วงที่บริษัทมียอดขายไม่ดีจากเป็นช่วงที่มีการลดราคาสินค้า
ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิต 1.2 แสนตัวต่อเดือน แบ่งเป็นการรับจ้างผลิตประมาณ 40,000 ตัวต่อเดือน และที่เหลือเป็นการผลิตเพื่อขายในประเทศภายใต้แบรนด์ซาบีน่า และจากการที่ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% จากชิ้นผ้าและผ้าลูกไม้ ทำให้การผลิตสินค้าใหม่ในครั้งถัดไปอีก 4 เดือน บริษัทฯ อาจปรับราคาสินค้าขึ้นอีกประมาณ 5-10 %
อย่างไรก็ดี ภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2550-2552 บริษัทฯ คาดว่าจะเปิดร้านค้าของซาบีน่าให้ได้ประมาณ 5 แห่ง โดยในปีหน้ามีแผนงานที่จะเปิดร้านซาบีน่าอีก 2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 3 แห่ง คือ สาขาแฟชั่นไอร์แลนด์ สาขาหัวหิน และล่าสุดเปิดร้านซาบีน่าในศูนย์การค้ามาบุญครอง โดยใช้งบประมาณ 14 ล้านบาท
|
|
|
|
|