ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บางกอกสหประกันภัย (BUI) ครั้ง ที่ 3/2543 เมื่อวันที่
10 พฤษภาคมได้มีมติให้ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เปลี่ยนตำแหน่ง จากประธานกรรมการบริษัท
ขึ้นเป็นประธานกรรมการบริหาร โดยให้ มนู เลียวไพโรจน์ ขึ้นเป็นประธานกรรมการบริษัทแทน
การเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของประชัยใน BUI ครั้ง นี้ เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเพียง
20 วัน หลังจากศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่ง แต่งตั้งบริษัทเอ็ฟเฟ็คทิฟ แพลนเนอร์ส
ให้เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท ปิโตร เคมีกัลไทย (ทีพีไอ) แทนบริษัททีพีไอแพลนเนอร์ส
ซึ่งเป็นการต่อสู้ เพื่อแย่งชิงอำนาจ การบริหารงานกิจการของครอบครัว ที่
สร้างมากับมื อ จากกลุ่มเจ้าหนี้ ที่ประชัยต้องทุ่มเททั้งแรงกาย และมันสมอง
มาเป็นระยะเวลานาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
การเข้ามาของเอ็ฟเฟ็คทิฟ แพลนเนอร์ส ทำให้บทบาทของประชัยในทีพีไอ ถูกลดลงไปอย่างมาก
จากผู้นำ ที่เคยกุมอำนาจการบริหารงานอย่าง เบ็ดเสร็จเหลือเพียงบทบาทมืออาชีพ
ที่การดำเนินการทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ทำแผน
ซึ่งไม่ตรงกับบุคลิกของประชัย ที่เป็นคนไม่อยู่นิ่ง ต้องคิด และทำอยู่ตลอดเวลา
BUI ถือเป็นธุรกิจของตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ อีก 1 แห่ง ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้ง
แต่ปี 2505 แต่ก่อนหน้านี้ประชัยไม่ได้ เข้ามามีส่วนในการบริหารงานมากนัก
เพราะมีตำแหน่งเป็นเพียงประธานกรรมการ โดยมีน้อง ๆ คือ ประทีป และประมวล
เป็นรองประธานกรรมการ
ส่วนบทบาทในการบริหารตกอยู่ กับมาลินี เลี่ยวไพรัตน์ พี่สาวคนโต ซึ่งมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ
การเข้ามาเป็นประธานกรรมการบริหารใน BUI เปรียบเสมือนการถอย มาตั้งหลักในฐาน
ที่มั่นของตระกูล ที่ยังเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่ง
น่าติดตามดูว่าบทบาทใหม่ใน BUI ของประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หลังจากนี้ จะเป็นอย่างไร