การที่ผู้นำปักกิ่งตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าปราบนักศึกษาประชาชนที่เทียนอันเหมิน
มันมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงมากกมายทั้งในด้านเศรษฐกิจการลงทุน และการเมืองในจีน
อย่างน้อยที่สุดผมว่ามี 2 ประเด็นคือ หนึ่ง-ฐานะการเมืองระหว่างประเทศของรัฐบาลจีนตกต่ำลงอย่างมากในสายตาผู้นำรัฐาบาลประเทศมหาอำนาจตะวันตก
จะเห็นได้ว่ามีการบอยคอตเงินช่วยเหลือ และยุติการเจรจาความเมืองกับจีนทันที
สอง-ฐานะความเชื่อมั่นในบรรยากาศการลงทุนในจีนตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย แม้ว่าจีนจะมีตลาดที่กว้างใหญ่
และกำลังมีความต้องการนำเข้าเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงจากญี่ปุ่นและโลกตะวันตกอยู่ก็ตาม
ตรงประเด็นนี้ไม่ต้องดูอื่นไกลเอากันแต่ที่ฮ่องกงก็พอ
ทันทีหลังเหตุการณ์นองเลือดเทียนอันเหมินความเชื่อมั่นต่อจีนหลังการเข้าครอบครองฮ่องกงในปี
1997 ในสายตานักลงทุนทั้งจากจีนโพ้นทะเลและยุโรปตะวันตก มันหดหายหมดเลย ทุนที่อยู่ในฮ่องกงจำนวนไม่น้อยมันไหลออกไปซานฟรานซิสโก
แคนาดา และออสเตรเลีย ขณะที่จีนเองก็มองฮ่องกงในฐานะเป็นแหล่งสะสมทุนที่ใหญ่ที่สุด
บริษัท CHINA RESOURCE และแบงก์ออฟไชน่า (BANK OF CHINA) ของรัฐบาลจีน ทุกวันนี้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทใหญ่
ๆ ของฮ่องกง เช่น CATHAY PACIFIC 30% แล้ว หรือแม้แต่ธุรกิจบริการด้านสาธารณูปโภคพวกรถเมล์
อุโมงค์ ที่อยู่ในรูปธุรกิจร่วมทุนอย่างน้อย 50% เป็นของ CHINA RESOURCE
หรือไม่ก็ BANK OF CHINA ถือหุ้นอยู่ แสดงว่าจีนพร้อมเข้าครอบครองเศรษฐกิจฮ่องกงในปี
1997 แล้ว
การพัฒนาความทันสมัยของจีนมันมีปัจจัย 3 ประการที่จีนต้องพึ่งพิง หนึ่ง-การลงทุนจากชาวจีนโพ้นทะเลในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
(SEZ) สอง-การใช้ฮ่องกงเป็นฐานะสะสมทุน แล้วดูดซับกลับสู่จีนและ สาม-การพึ่งเทคโนโลยีการผลิตจากญี่ปุ่นและยุโรปตะวันตก
รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการลงทุนของชาวจีนโพ้นทะเลมาก ถึงกับมีหน่วยงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเลมาก
ถึงกับมีหน่วยงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเลมี เตี๋ย กวงลี ซึ่งเป็นลุงของ กำจาย
เอี่ยมสุรีย์ เป็นผู้มีอำนาจเบอร์ 2 รองจาก ชีเฟงเฟ่ย ควบคุมดูแลอยู่ นักลงทุนจากไทย
ฮ่องกง สิงคโปร์ อินโดนีเซีย จึงโดดเข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษมากมาย
เพราะสิ่งล่อใจในสิทธิพิเศษต่าง ๆ ต้องไม่ลืมว่านักลงทุนชาวจีนโพ้นทะเลเหล่านี้มีความรู้ความสามารถในการทำธุรกิจสมัยใหม่
ยกตัวอย่างกลุ่มซีพีจากไทยที่ไปลงทุนผลิตจักรยานอาหารสัตว์ในจีน เขาให้ฐานผลิตในจีน
เพื่อส่งออกเป็นจุดมุ่งหมายหลัก เพราะต้นทุนผลิตในจีนและสิทธิพิเศษทางภาษีมันเอื้ออำนวย
พอมีกำไรก็สามารถดึงผลกำไรออกจากจีนเข้าสู่ฮ่องกงและไทยได้ง่าย
นายตันซีเฮี้ยงก็เหมือนกัน เรือตั้งธนาพรของเขาวิ่งจากฮ่องกงไปซัวเถาวันเว้นวันตลอดเวลามานานแล้ว
แล้วการท่องเที่ยวจากไทยผ่านฮ่องกงเข้าซัวเถามันบูมขนาดไหนก็ทราบกันดีอยู่
เฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษซัวเถาซึ่งเป็นแต้จิ๋ว การลงทุนกว่า 85% เป็นคนแต้จิ๋วจากไทยและสิงคโปร์
เขตเศรษฐกิจฯที่ฮกเกี้ยน การลงทุนมาจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ซึ่งชาวจีนส่วนใหญ่ของประเทศนี้เป็นฮกเกี้ยน
ในเฉินเจิ้นก็เช่นกัน กลุ่มนักลงทุนแต้จิ๋วจากไทย ฮ่องกงก็เข้าไปลงทุนร่วมกับญี่ปุ่นและสหรัฐฯที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง
ยกตัวอย่าง เกียรติ ศรีเฟื่องฟุ้งลงทุนร่วมกบกลุ่มพีพีจี อินดัสเตรียลขอวสหรัฐฯและรัฐบาลจีน
ผลิตกระจกแผ่นเรียบ (FLOAT GLASS) โดยตกลงกันว่ากลุ่มศรีเฟื่องฟุ้งรับผิดชอบด้านการตลาด
พีพีจีรับผิดชอบด้านเทคโนโลายีการผลิต กลุ่มซีพีร่วมทุนกับบริษัทคอนติเนนตัล
ก่อตั้งบริษัทคอนติ-เจียไต๋ ผลิตอาหารสัตว์
ทีนี้พอจีนเกิดวิกฤติการณ์นองเหลืดที่เทียนอันเหมิน เหตุการณ์มันไม่หยุดที่นั่น
มันลามไปทั่วกลุ่มช่างเทคนิคต่าง ๆ โดยเฉพาะพวกญี่ปุ่นและสหรัฐฯ และยุโรป
มันถอนกลับประเทศหมด เพราะกลัวภัยลูกหลงจากการเข้ากวาดล้างนักศึกษาประชาชนที่ก่อหวอดต่อต้านรัฐ่าบาลของรัฐบาลจีน
การบริหารการผลิตต่าง ๆ มันก็ชะงักหมด คนจีนเป็นเพียงแต่กรรมกรค่าจ้างถูก
ๆ จะไปรับช่วงต่อได้อย่างไร เพราะขาดทักษะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง โครงการลงทุนที่กำลังวางแผนกันอยู่ทุกอย่างทุกโครงการมันชะงักหมด
เพราะความเชื่อมั่นในบรรยากาศเมืองสังคมจีนมันไม่มี มันสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีนไม่มีความมั่นคงในการปกครองประเทศและประชาชนแล้ว
สภาพเช่นนี้ผมเห็นว่าศักยภาพการพัฒนาเศรษฐกิจสู่ความทันสมัยของผู้นำในปักกิ่งมันถอยหลังลงคลองแล้วอย่างน้อย
10 ปี กว่าจะเข้าสู่สภาพปกติ เพราะจีนมีแผ่นดินกว้างใหญ่ มันมีโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมขนาดยักษ์สลับซับซ้อนมาก
นักลงทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะชาวยุโรปมันรู้จักจีนจากประวัติศาสตร์เป็นอย่างดี
มันไม่กล้าเข้าไปลงทุนอย่างง่าย ๆ หรอก
อีกจุดหนึ่งที่ผมเห็นว่าจีนต้องถอยหลังลงไปอีก 10 ปี คือศักยภาพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่มาของการไหลเข้าด้านเงินทุนที่เป็นเงินตราต่างประเทศอย่างมหาศาล
กลุ่มนักท่องเที่ยวต่าง ๆ จากทั่วโลกที่เข้าจีนโดยผ่านฮ่องกง มันหยุดหมด
แม้จะพูดว่ามันเป็นเหตุการณ์ระยะสั้น ๆ ก็ตามแต่ต้องไม่ลืมว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมันอ่อนไหวมาก
ถ้าลองประเทศไม่มีความเชื่อมมั่นในความปลอดภัย หรือภาพพจน์เสถียรภาพทางการเมืองตกต่ำ
ไม่มีนักท่องเที่ยวที่ไหนหรอกกล้าเข้าไปผมว่าจีนจะประสบปัญหาเงินตราต่างประเทศจากการท่องเที่ยวไหลเข้าน้อย
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อฐานะดุลบริการขาดดุล จุดนี้ผมว่าอันตราย เพราะมันจะเชื่อมโยงผลต่อฐานะดุลชำระเงิน
และเงินสำรองระหว่างประเทศ (REDIT STANDING ของจีนจะเสียหายหมด และในที่สุดจีนก็จะถอยหลังไปนับ
10 ปี ด้วยเหตุนี้ผมเชื่อจริง ๆ