|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
*เจาะลึกผลตอบแทนลงทุนคอนโดมิเนียมรายทำเล
*ดีมานด์ต่างชาติดันสีลม-สาทรครองแชมป์ทำเลร้อน สร้างผลตอบแทนสูงสุด รัชดาภิเษก-สุขุมวิทซัปพลายใหม่พุ่งแข่งของเก่า ผลตอบแทนรั้งท้าย
*ค่าครองชีพ-กำลังซื้อหด แนะลงทุนอพาร์ตเมนต์เจาะตลาดเช่า
ความโดดเด่นอสังหาริมทรัพย์ในแง่ที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงชนะอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ถือครอง ทำให้อสังหาริมทรัพย์ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเตอร์ที่อยู่อาศัยที่เป็นเรียลดีมานด์ บวกกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ทำให้คอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้ากลายเป็นตลาดที่มาแรงทั้งในแง่ของการเปิดตัวโครงการใหม่ และการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าในช่วงที่ผ่านมา
แต่ซัปพลายของคอนโดมิเนียมที่เข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่อง ที่เคยทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงภาวะโอเวอร์ซัปพลาย หากได้เห็นตัวเลขยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาส 1 ของเอเจนซี่ ฟอร์ เรียล เอสเตท แอฟแฟร์สที่ลดลงเป็นครั้งแรก น่าจะสะท้อนได้ว่า ความร้อนแรงของตลาดนี้เริ่มลดลง โดยในครึ่งปีแรกของปี 2549 ยอดขายเฉลี่ยต่อโครงการต่อเดือนเพิ่มสูงสุดเป็น 57 ยูนิตต่อเดือน และเริ่มชะลอตัวลงในครึ่งปีหลังของปี 2549 เหลือเพียง 27 ยูนิตต่อเดือน และลดลงเรื่อยๆ จนล่าสุด ณ ไตรมาส 1 อยู่ที่ 12 ยูนิตต่อเดือน อัตราการดูดซับของตลาดลดลงจากปี 2550 เล็กน้อยอยู่ที่ 78% มีจำนวนยูนิตรอขาย 117,236 ยูนิต สูงขึ้นกว่าสิ้นปีที่แล้ว
เจาะยอดขายรายทำเล
วสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียล เอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด กล่าวว่า ทำเลที่มียอดขาย ณ สิ้นปี 2550 เพิ่มขึ้นจากปี 2549 สูงสุด คือ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในย่านสาทรตัดใหม่ เจริญนคร ซึ่งอยู่ใกล้แนวส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสะพานตากสิน และย่านปิ่นเกล้า มียอดขายเพิ่มขึ้น 130% รองลงมา คือ อ่อนนุช/แบริ่ง เพิ่มขึ้น 42% สีลม-พระราม 3 เพิ่มขึ้น 16% รัชดา/ลาดพร้าว/พหลโยธิน เพิ่มขึ้น 16% พื้นที่รอบนอก เพิ่มขึ้น 103% ในขณะที่ทำเลเพลินจิต/สุขุมวิท/เอกมัยมียอดขายลดลง 15% เนื่องจากหาที่ดินพัฒนาได้ยาก
หากพิจารณาตัวเลขในไตรมาส 1 พบว่า 6 ทำเลข้างต้นมียอดขายโดยรวมลดลง 7% เมื่อเทียบกับปี 2550 โดยมีทำเลที่มียอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 2 ทำเล คือ สุขุมวิท เพิ่มขึ้น 33% ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มขึ้น 20% ส่วนรัชดาภิเษกยอดขายลดลง 46% อ่อนนุชลดลง 14% สีลม-พระราม 3 ลดลง 43% พื้นที่รอบนอกยอดขายยังทรงตัว
ซัปพลายพุ่งฉุดผลตอบแทนขาลง
แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นที่ยอมรับว่า ทำเลในแนวรถไฟฟ้าถือเป็นทำเลฮอตที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุน แต่ในความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป หากเวลาผ่านไป มีซัปพลายใหม่เข้ามาแข่งขันเรื่อยๆ ก็อาจทำให้ภาวะตลาดเช่าในบางทำเลที่เคยดี อาจสร้างผลตอบแทนไม่คุ้มค่าในระยะหลัง โดยจากตารางจะเห็นได้ว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลรัชดาภิเษกที่เคยมาแรงในกลุ่มนักลงทุนและนักเก็งกำไรในช่วงแรกๆ ขณะนี้กลับกลายเป็นทำเลที่มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนปล่อยเช่าต่ำที่สุดเพียง 12.3% ต่อปี ราคาขายต่อ (รีเซล) เพิ่มขึ้นต่ำสุดเพียง 7.5% ต่อปี วสันต์กล่าวว่า เป็นผลมาจากตลาดเริ่มชะลอตัวลง กระแสเริ่มหายไป รวมทั้งเป็นทำเลที่มีแต่ดีมานด์เช่าจากตลาดคนไทย ไม่สามารถทำราคาเช่าได้สูงเท่าตลาดที่มีชาวต่างชาติ จึงไม่ดึงดูดให้เกิดการซื้อขายเปลี่ยนมืออย่างคึกคักที่จะผลักให้ราคาขายต่อสูงขึ้น
นอกจากนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลงยังมีสาเหตุมาจากซัปพลายใหม่ที่ใกล้จะแล้วเสร็จเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดเกิดการแข่งขันสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งวสันต์คาดว่า ผลตอบแทนที่ลดลงน่าจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงเวลาไม่เกิน 3 ปีต่อจากนี้ ทั้งในทำเลรัชดาภิเษกเอง รวมไปถึงสุขุมวิท ที่มีอัตราผลตอบแทนจากการเช่าเพียง 17.7% เพราะต้องแข่งขันกับซัปพลายของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่มีอยู่แล้วจำนวนมาก ในขณะที่ทำเลเก่าอย่างสีลม-สาทร ยังคงเป็นทำเลที่ให้ผลตอบแทนในการลงทุนสูงสุด ราคาขายต่อเพิ่มขึ้น 19.8% ต่อปี ผลตอบแทนจากการเช่า 23.9% ต่อปี เนื่องจากเป็นทำเลมีดีมานด์จากชาวต่างชาติ ส่วนทำเลอ่อนนุช ยังถือเป็นทำเลที่น่าสนใจในระยะยาว เพราะยังมีดีมานด์จากสุวรรณภูมิเข้ามาเป็นตัวผลักตลาดให้เติบโต
แนะวิธีลงทุน
วิศิษฐ์ คุณาทรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรียลตี้ เวิล์ด อัลไลแอนซ์ จำกัด แนะวิธีการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีเม็ดเงินลงทุนไซส์ต่างๆ ได้แก่ นักลงทุนไซส์ S หรือมีเงินลงทุนไม่เกิน 50 ล้านบาท ควรลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า ควรรีบซื้อตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดจอง เพื่อจะได้เลือกยูนิตที่ดีที่สุด เช่น ห้องหัวมุม หรือห้องที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้ปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ราคาดี แต่ระวังอย่าเลือกยูนิตที่เหลือขายมากๆ ซึ่งจะแข่งขันราคาได้ยากในตลาด
ข้อจำกัดของคอนโดมิเนียมที่ไม่มีบริการเสริมสำหรับลูกค้าเหมือนเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ วิศิษฐ์แนะทางออกว่า ให้นักลงทุนรวมกลุ่มกันซื้อคอนโดมิเนียมในตึกเดียว แล้วร่วมกันจ้างแม่บ้านมาให้บริการทำความสะอาดแก่ผู้เช่าของตัวเอง น่าจะเป็นทางเลือกในการเจาะดีมานด์ตลาดเช่าที่น่าสนใจ
นักลงทุนไซส์ M หรือมีเม็ดเงินลงทุน 50-200 ล้านบาท ควรลงทุนในอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็ก โดยคำนวณรายได้ต่อเดือนที่คาดว่าจะได้รับ หากต่ำกว่า 200,000 บาทต่อเดือน ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่คุ้มค่ากับต้นทุนการบริหาร
นักลงทุนไซส์ XL หรือนักลงทุนที่สวมบทบาทดีเวลลอปเปอร์พัฒนาโครงการเอง หากเป็นมือใหม่ที่ไม่ชำนาญ แนะนำให้ใช้มืออาชีพด้านต่างๆ มาช่วยดูแล โดยเน้นการเจาะลงไปที่ช่องว่างของตลาด หรือบลูโอเชี่ยน เลี่ยงตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง
เงินเฟ้อพุ่งตลาดเช่ามาแรง
อภิชาต ปภาณภูวงศ์ นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ในช่วงที่กำลังซื้อหดตัว ค่าครองชีพสูง ทำให้ผู้บริโภคยังไม่มีเงินออกมากพอที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองแทนการเช่า จึงยังเป็นโอกาสที่น่าลงทุนของตลาดอพาร์ตเมนต์ให้เช่า ซึ่งจะเป็นตลาดที่เติบโตได้อีกมาก แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่คุณภาพที่ดี และการออกแบบที่ต้องแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน เพราะในอนาคตจะมีคอนโดมิเนียมที่จะแล้วเสร็จอีกหลายยูนิตเข้ามาเป็นคู่แข่งในตลาดเช่า อย่างไรก็ตามผู้ที่ลงทุนอพาร์ตเมนต์ควรจะเป็นนักลงทุนที่ถือเงินเย็น เพราะเป็นการลงทุนที่ใช้เวลาคืนทุนนาน 7-8 ปี หากใช้เงินจากแหล่งทุนที่มีดอกเบี้ย อาจทำให้ผลตอบแทนสุทธิที่ได้จริงอาจจะไม่คุ้มค่า
|
|
|
|
|