ตลาดรถยนต์นำเข้าอิสระบูมรับอานิสสงค์จาก โตโยต้าอัลพาร์ด รุ่นใหม่ คาดปริมาณความต้องการของรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นนี้มีมากถึงปีละกว่า 1,000 คัน เกรย์มาร์เก็ตรายใหญ่เล็กแข่งกันวิ่งหารถยนต์นำเข้าส่งให้ลูกค้า พร้อมสารพัดกลเม็ดการตลาด ลด-แถม นอกเหนือจากการใช้บริการหลังการขายมัดใจลูกค้า
ใน 1-2 ปีที่ผ่านมารถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด เป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงจากตลาดรถยนต์นำเข้าอิสระ ด้วยยอดขายรวมปีละกว่า 1,000 คัน โดยเฉพะรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด บรรดาบริษัทผู้นำเข้าอิสระสามารถทำยอดขายรถยนต์รุ่นนี้ในปริมาณกว่า 50% ของยอดขายรถยนต์ที่ทำได้
ล่าสุดโตโยต้า มีการปรับโฉมโตโยต้า อัลพาร์ดใหม่ ทำให้หลังการเปิดตัวในต่างประเทศไม่กี่เดือน เกรย์มาร์เก็ตเกือบทุกรายทั้งใหญ่ เล็กต่างแย่งชิงโควตานำเข้าจากต่างประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่รอโตโยต้า อัลพาร์ดโฉมใหม่
ไพบูลย์ สุขธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด บอกว่า ตลาดรถเอ็มพีวีในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว หรือ นักบริหาร ปัจจุบันรถยนต์เอ็มพีวีที่มีจำหน่ายโดยผู้นำเข้าอิสระนั้นมีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น อาทิ โตโยต้า อัลพาร์ด ,โตโยต้า แอสติมา โดยมีฐานลูกค้ามากกว่า 10,000 คัน
ด้วยอัตราการตอบรับของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ค่ายผู้นำเข้าอิสระหลายรายมุ่งที่จะรุกตลาดนี้ ล่าสุดเมื่อมีรถยนต์ในโมเดลใหม่อย่าง โตโยต้า อัลพาร์ด ใหม่ เปิดตัวในตลาดโลก ก็ทำให้เหล่าผู้นำเข้าหลายรายต่างมุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าแรกในการนำเข้ามาจำหน่ายตลาดในประเทศ
สำหรับ “ โตโยต้า อัลพาร์ด ใหม่” เป็นรถหรูอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ได้รับการพัฒนามาจาก FT-MV (Future Toyota MiniVan) มีการดีไซน์ภายใน ภายนอก ใหม่หมด ขณะที่เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 แบบคือ 2400 ซีซี. และ 3500 ซีซี . นอกจากนั้นแล้วยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีไฮเทคไม่ว่าจะเป็นเบาะแบบMemory Seat ,ไฟ ECO ที่ช่วยบอกถึงสถานะการขับขี่ของผู้ขับขี่ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน
ด้วยความโดดเด่นของรถยนต์ในรุ่นใหม่นี้ ประกอบกับความต้องการของตลาดสูง ส่งผลให้ค่ายผู้นำเข้าอิสระต่างชิงความได้เปรียบในการนำเข้ามาจำหน่ายยังตลาดในประเทศ โดยค่ายทีเอสแอลถือเป็นเจ้าแรกที่มาวินและชิงความได้เปรียบในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้ต่อสายตาของสื่อมวลชน ซึ่งในวันเปิดตัวค่ายทีเอสแอลได้วางหมากให้การเปิดตัวนี้เป็นทอล์กออฟเดอะทาว์น ด้วยการนำเซเลบริตี้ - ดารา – นางแบบ ชื่อดังมาร่วมสร้างสีสันในการเปิดตัวรถยนต์ อาทิ โอเด็ด , ดร.กฤติกา คงสมพงษ์ ,อิ๊บ ยุภาพักตร์ วัชราภัย ,ภัทร จึงกานต์กุล , ชาย อนันต์ทวีป
ขณะที่การวางกลยุทธ์รุกตลาดนั้น มีการมอบโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่จอง รับสิทธิพิเศษคือห้องพักสวีตของโรงแรมปาร์คนายเลิศ ส่วนลูกค้าที่ซื้อรถยนต์รุ่นนี้แถมชุดเครื่องเสียงและลำโพงชุดใหญ่ พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง สนนราคาของโตโยต้า อัลพาร์ด ใหม่ ของค่ายนี้อยู่ที่ 3.65 ล้านบาทในรุ่น 2400 ซีซี. และ 4.95 ล้านบาทในรุ่น 3500 ซีซี
ด้านค่ายเอส.อี.ซี.ฯที่แม้ว่าจะเปิดตัวห่างกันไม่กี่ชั่วโมง แต่ด้วยชื่อชั้นที่เหนือกว่า ทำให้ยอดจองของรถในรุ่นใหม่มีกว่า 50 คัน ขณะที่โปรโมชั่นของค่ายนี้เป็น แถมชุด มัลติมีเดีย ที่เล่นได้ทั้ง ซีดี,ดีวีดี,เอ็มพี3 ,ทีวี และรองรับบลูทูธ พร้อมลำโพง 8 ทิศทาง และยูเอสบีพอร์ท สนนราคาของโตโยต้า อัลพาร์ดใหม่ของค่ายนี้อยู่ที่ 3.65 ล้านบาทในรุ่น 2400 ซีซี. และ 4.65 ล้านบาทในรุ่น 3500 ซีซี. ล่าสุด เอส.อี.ซี.มียอดจองมาแล้วกว่า 50 คัน
ส่วนค่ายอีตันที่เปิดตัวล่ากว่าค่ายอื่นๆเพียง 1 วัน แต่สร้างความฮือฮาด้วยการเล่นกลยุทธ์ราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด โดยในรุ่น 2400 ซีซี. อยู่ที่ 3.55 ล้านบาท และในรุ่น 3500 ซีซี. อยู่ที่ 4.55 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับทั้ง 2 ค่ายที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ถือว่าราคาห่างกันกว่า 100,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากนั้นค่ายอีตันยังงัดเอากลยุทธ์ด้านโปรโมชั่นอย่าง 50 คันแรกมีลุ้นเลขทะเบียนสวย ,ที่พักฟรีบนเกาะพีพีและพัทยา ,คอร์สสปา และสมาชิกฟิตเนสฟรี
อัจฉรีย์ ตันติยันกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า สาเหตุที่ราคาขายของค่ายอีตั้นถูกกว่าค่ายอื่นๆ เนื่องจากมีความแตกต่างกันทางด้านออฟชั่น อย่างไรก็ตามอีตั้นมองว่าออฟชั่นต่างๆที่ได้ใส่เข้ามานั้นมีความเหมาะสม ไม่เป็นรองค่ายไหนๆ โดยอีตั้นมียอดจองรถยนต์ในรุ่นนี้แล้วกว่า 20 คัน และคาดว่ายอดขายทั้งปีของรถยนต์ในรุ่นนี้จะคิดเป็น45 % ของยอดจำหน่ายทั้งหมดที่คาดว่าจะขายได้ 664 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 578 คัน
ด้านค่ายที่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการอย่างบีอาร์จี รามคำแหงกรุ๊ป และ ค่ายเทดดี้ ออโต้เซล นั้น แม้จะยังไม่เปิดตัวตามค่ายอื่นๆแต่คาดว่ากำลังเตรียมวางแผนการที่สามารถรับมือกับค่ายคู่แข่งใสตลาดอื่นๆ โดยในส่วนของบีอาร์จีคาดว่าจะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณวันที่ 20 มิ.ย.นี้ และคาดว่าจะสามารถกวาดยอดขายได้กว่า 100 คันภายใน 6 เดือนที่เหลือจากนี้
ขณะที่ค่าย ชูเกียรติ ศรีทองเสถียร ประธานบริษัท เทดดี้ฯ บอกว่า เตรียมจะทำการเปิดตัวรถยนต์ในรุ่นนี้เช่นเดียวกันในวันที่ 26 มิ.ย.ใช้ชื่องานว่า “open house party” โดยจะทำการเปิดตัวในรูปแบบยิ่งใหญ่และไม่เหมือนใคร ภายในงานจะเชิญเซเลบริตี้ชื่อดัง พร้อมทั้งมินิคอนเสิร์ตมาจัดแสดง และจะมีเซอร์ไพร์ซที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาว์นอย่างแน่นอน เทดดี้คาดว่ายอดขายในรถรุ่นนี้จะสูงอย่างแน่นอนเพราะในเวลานี้แม้จะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่มียอดจองเข้ามาแล้วกว่า 10 คัน
เรียกได้ว่าแต่ละค่ายต่างงัดเอาทุกกลยุทธ์มาห้ำหั่น แต่เมื่อมองถึงพฤติกรรมของลูกค้าแล้วพบว่า ราคา ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ เพราะการตกลงซื้อขายรถยนต์ในแต่ละครั้งนั้น จะมีการมอบส่วนลดพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเมื่อคำนวนกันออกมาแล้วจะพบว่าราคาไม่ต่างกันนัก ขณะที่เรื่องของการส่งมอบก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ลูกค้าคำนึงถึงเพราะส่วนใหญ่มีความพร้อมและต้องการที่จะเป็นเจ้าของรถโดยทันทีที่สั่งซื้อ หากเกรย์มาร์เก็ตค่ายไหนที่มีความพร้อมส่งมอบรถให้โดยทันทีก็จะมีความได้เปรียบกว่าค่ายอื่นๆ นอกจากนั้นแล้วสิ่งสำคัญที่ลูกค้าในระดับนิชมาร์เก็ตต้องการมากที่สุดคือการมีโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุม
ปัจจุบันค่ายเกรย์มาร์เก็ตที่มีโชว์รูมและศูนย์บริการมากเป็นอันดับ 1 คือเอส.อี.ซี จำนวน 9แห่ง แบ่งออกเป็น 7 สาขาในกรุงเทพได้แก่ พระราม 9 ,บางนา ,รัชโยธิน ,เพชรบุรี,ทองหล่อ ,พระราม 2พหลโยธิน และ 2สาขาในจังหวัดภูเก็ตและชะอำ , อีตั้น 5 แห่ง แบ่งออกเป็น 3 สาขาในกรุงเทพ ได้แก่ และ 2 สาขาในจังหวัดเชียงใหม่ และ ,ทีเอสแอล 2 แห่ง ได้แก่ แจ้งวัฒนะ และนราธิวาส-ราชนครินทร์ ,บีอาร์จี 2 แห่ง ได้แก่ รัชโยธิน และ รามคำแหง และ เทดดี้ 2 แห่ง ได้แก่ วิภาวดี และรามอินทรา
|