|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ดีเอชแอล (DHL) กิจการรับขนส่งของและพัสดุภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงเรื่องส่งของเที่ยงตรงและฉับไว ที่เป็นคู่แข่งกับยูพีเอส (UPS) มาโดยตลอด ไม่ต่างจากการแข่งขันทางธุรกิจระหว่างโค้กกับเป๊ปซี่ เริ่มมีปัญหาทางธุรกิจมากขึ้นเมื่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย กระทบต่อปริมาณความต้องการของผู้บริโภคให้หดหายไปอย่างน่าสนใจ
การดิ้นรนเพื่อหาทางออกให้กิจการพ้นจากภาวะขาดทุน ทำท่าว่าจะหดขนาดของการประกอบการไปมุ่งธุรกิจหลักในสหรัฐฯ และปล่อยให้คู่แข่งอย่างเฟดเอ็กซ์และยูพีเอสมีโอกาสในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
มีนักการตลาดที่เชี่ยวชาญวงการลอจิสติกส์ประเมินว่า ถ้าดีเอชแอลปิดช่องทางและศูนย์การขนส่งในจุดต่างๆ ตามแผนงานที่กำหนดไว้ เฟดเอ็กซ์จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจทางอากาศเพิ่มขึ้น 35% ทันที ในขณะที่ธุรกิจการขนส่งภาคพื้นดินน่าจะเพิ่มขึ้นราว 25% รวมทั้งยูพีเอสที่ค่อนข้างมีความได้เปรียบในเครือข่ายการขนส่งภาคพื้นดินเหมือนกัน
ปัจจุบันดีเอชแอลเป็นธุรกิจย่อยในเครือข่าย ดอยซ์ โฟสต์ เวิลด์ เน็ต ถือว่าเป็นกิจการด้านลอจิสติกส์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของธุรกิจส่งพัสดุด่วนแบบข้ามคืนในสหรัฐฯ คาดหมายว่าจะมียอดรายได้จากธุรกิจในสหรัฐฯปีนี้ราว 23,000 ล้านดอลลาร์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 9% ขณะที่กิจการที่ครองอันดับ 1 คือ ยูเอส โพสตัล เซอร์วิส ที่มีสัดส่วน 32% เฟดเอ็กซ์อยู่ในอันดับ 2 ด้วยส่วนครองตลาด 34% และยูพีเอสด้วยส่วนครองตลาดประมาณ 25%
ดีเอชแอลเพิ่งเข้ามารุกตลาดส่งพัสดุแบบเร็วด่วนข้ามคืนในสหรัฐฯเมื่อปี 2003 ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการแอร์บอร์น เฟรจ์ด (Air borne Freight) ซึ่งกว่าจะได้มาก็ถูกเฟดเอ็กซ์และยูพีเอสรวมหัวกันฟ้องร้องว่าการซื้อกิจการดังกล่าวสร้างการผูกขาด แต่ในที่สุดแอร์บอร์ดก็ชนะ
จุดแข็งของแอร์บอร์นคือเป็นทางเลือกส่งพัสดุแบบราคาถูก มีส่วนแบ่งตลาดราว 10% ของการส่งของทางอากาศและราว 2% ในธุรกิจภาคพื้นดิน
จุดอ่อนของดีเอชแอลมาจากความสั่นคลอนของความเชื่อมั่นของลูกค้า หลังจากที่พบว่าการค้าเป็นงานมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นหลายราย ทำให้กิจการดีเอชแอลมีผลขาดทุนกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ จนต้องเลิกจ้างคนงานกว่า 600 คน
การประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจด้วยการปิดช่องทางให้บริการทางบกและทางอากาศถึง 85 จุด ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะเท่ากับศักยภาพทางธุรกิจถึง 25% ของทั้งหมดทีเดียว
ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวออกมาเมื่อไม่นานมานี้ว่า ดีเอชแอลอาจจะยอมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทอื่นๆ ในการนบริหารตลาดรายย่อยในสหรัฐฯ ต่อไป
อย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็มีกระแสข่าวออกมาว่าดีเอชแอลอยากจะจับมือกับยูพีเอสในการช่วยขนพัสดุภัณฑ์ทางอากาศ เป็นการจับมือที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้สำหรับกิจการ 2 กิจการที่เคยมีเรื่องราวฟ้องร้องถึงขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาแล้ว
แต่ถ้ามองในเชิงธุรกิจ การร่วมมือกันทางธุรกิจครั้งนี้ก็ไม่น่าจะเหนือความคาดหมายเพราะยูพีเอสจะมีรายได้เพิ่มมหาศาลจากการช่วยลดต้นทุนการขนส่งแก่ดีเอชแอลในครั้งนี้
สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญยังคงลังเลกับปรากฎการณ์ใหม่ของความร่วมมือกันทางธุรกิจ และดำเนินงานทางการตลาดครั้งนี้ เพราะยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าการจับมือกันจะเป็นเพียงความพยายามในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจชั่วคราวหรือว่าเป็นการเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจในระยะราว
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ดอยซ์โพสต์บริษัทแม่ของดีเอชแอลรายงานว่าไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วลดลงไปกว่า 60% หลังจากลดขนาดของกิจการดีเอชแอลในสหรัฐฯ การปรับโครงสร้างทางธุรกิจที่ผ่านมามีผลเห็นได้ชัดว่าศักยภาพของเครือข่ายธุรกิจลดลงไปมากกว่า 30% ทีเดียว
นักวิเคราะห์บางคนวิเคราะห์สถานการณ์การปรับตัวทางธุรกิจของดีเอชแอลครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามครั้งใหม่ที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจของยูพีเอสและเฟดเอ็กซ์ ที่มีความสามารถในการส่งพัสดุภัณฑ์ไปทุกที่ที่ลูกค้าต้องการและครอบคลุมบริการทุกประเภทก็จริง แต่ดีเอชแอลกลับไม่สามารถทำกำไรได้สักที
เมื่อเป็นเช่นนี้การทำความตกลงเป็นพันธมิตรกันทางธุรกิจกับยูพีเอส จึงน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีกว่าเดิมสำหรับดีเอชแอล และการเลือกจับมือกับยูพีเอสแทนที่จะเป็นเฟดเอ็กซ์ อาจมาจากเงื่อนไขทางด้านราคาที่ยูพีเอสเสนออาจจะดีกว่า
เนื่องจากสัญญาความร่วมมือครั้งนี้มีอายุยาวถึง 10 ปี จึงมีความคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มรายได้รายปีของยูพีเอสคือ 1,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมขอบเขตของตลาดในสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก โดยทยอยเริ่มต้นดำเนินงานตามข้อตกลงได้ภายในปีนี้ แต่น่าจะดำเนินงานได้เต็มรูปแบบในครึ่งหลังของปีหน้า
สิ่งที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของความตกลงระหว่างกันในครั้งนี้คือ แต่ละบริษัทจะยังคงใช้แบรนด์ของแต่ละบริษัทในการดำเนินงานบริการขนส่งผลิตภัณฑ์ตามข้อตกลงครั้งนี้ และในช่วงที่ดำเนินงานจะเป็นการขนส่งพัสดุระหว่างท่าอากาศยานต่างๆ ในอเมริกาเหนือเท่านั้น ไม่ได้รวมไปถึงการขนส่งพัสดุภัณฑ์และเอกสารจนถึงมือลูกค้าแต่ละประการใด ซึ่งถ้ามองแนวทางความร่วมมือแบบนี้ให้ดีจะพบว่า ความตกลงครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ยูพีเอสก็เคยมีความตกลงทำนองนี้กับการไปรษณีย์มาแล้ว ทางดีเอชแอลจะยังทำหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าปลายทางของตนเอง เพียงแต่อาศัยอุปกรณ์และช่องทางการขนส่งระหว่างเมืองทางอากาศของยูพีเอสเท่านั้น
แม้ว่าจะมีความตกลงระหว่างแล้วก็ตาม การดำเนินธุรกิจของดีเอชแอลก็ยังคงต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่จะต้องปรับตัวทางธุรกิจเพื่อให้ได้โมเดลธุรกิจที่สร้างสรรค์ และเหมาะสมที่จะช่วยเพิ่มผลิตภาพของการขนส่งลอจิสติกส์ ต้นทุนการขนส่งและสะสางที่บรรจุ และต้องคงความสามารถในการแข่งขันในระดับที่ไม่ต่ำไปกว่าเดิมด้วย
|
|
|
|
|