Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์16 มิถุนายน 2551
UPS จับมือ DHL กินรวบธุรกิจขนส่งทางอากาศ             
 


   
www resources

DHL Homepage

   
search resources

ดีเอชแอล อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย), บจก.
ยูพีเอส พาร์เซล ดีลิเวอร์รี่ เซอร์วิส, บจก.
Logistics & Supply Chain




ดีเอชแอล (DHL) กิจการรับขนส่งของและพัสดุภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงเรื่องส่งของเที่ยงตรงและฉับไว ที่เป็นคู่แข่งกับยูพีเอส (UPS) มาโดยตลอด ไม่ต่างจากการแข่งขันทางธุรกิจระหว่างโค้กกับเป๊ปซี่ เริ่มมีปัญหาทางธุรกิจมากขึ้นเมื่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย กระทบต่อปริมาณความต้องการของผู้บริโภคให้หดหายไปอย่างน่าสนใจ

การดิ้นรนเพื่อหาทางออกให้กิจการพ้นจากภาวะขาดทุน ทำท่าว่าจะหดขนาดของการประกอบการไปมุ่งธุรกิจหลักในสหรัฐฯ และปล่อยให้คู่แข่งอย่างเฟดเอ็กซ์และยูพีเอสมีโอกาสในตลาดต่างประเทศมากขึ้น

มีนักการตลาดที่เชี่ยวชาญวงการลอจิสติกส์ประเมินว่า ถ้าดีเอชแอลปิดช่องทางและศูนย์การขนส่งในจุดต่างๆ ตามแผนงานที่กำหนดไว้ เฟดเอ็กซ์จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจทางอากาศเพิ่มขึ้น 35% ทันที ในขณะที่ธุรกิจการขนส่งภาคพื้นดินน่าจะเพิ่มขึ้นราว 25% รวมทั้งยูพีเอสที่ค่อนข้างมีความได้เปรียบในเครือข่ายการขนส่งภาคพื้นดินเหมือนกัน

ปัจจุบันดีเอชแอลเป็นธุรกิจย่อยในเครือข่าย ดอยซ์ โฟสต์ เวิลด์ เน็ต ถือว่าเป็นกิจการด้านลอจิสติกส์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของธุรกิจส่งพัสดุด่วนแบบข้ามคืนในสหรัฐฯ คาดหมายว่าจะมียอดรายได้จากธุรกิจในสหรัฐฯปีนี้ราว 23,000 ล้านดอลลาร์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 9% ขณะที่กิจการที่ครองอันดับ 1 คือ ยูเอส โพสตัล เซอร์วิส ที่มีสัดส่วน 32% เฟดเอ็กซ์อยู่ในอันดับ 2 ด้วยส่วนครองตลาด 34% และยูพีเอสด้วยส่วนครองตลาดประมาณ 25%

ดีเอชแอลเพิ่งเข้ามารุกตลาดส่งพัสดุแบบเร็วด่วนข้ามคืนในสหรัฐฯเมื่อปี 2003 ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการแอร์บอร์น เฟรจ์ด (Air borne Freight) ซึ่งกว่าจะได้มาก็ถูกเฟดเอ็กซ์และยูพีเอสรวมหัวกันฟ้องร้องว่าการซื้อกิจการดังกล่าวสร้างการผูกขาด แต่ในที่สุดแอร์บอร์ดก็ชนะ

จุดแข็งของแอร์บอร์นคือเป็นทางเลือกส่งพัสดุแบบราคาถูก มีส่วนแบ่งตลาดราว 10% ของการส่งของทางอากาศและราว 2% ในธุรกิจภาคพื้นดิน

จุดอ่อนของดีเอชแอลมาจากความสั่นคลอนของความเชื่อมั่นของลูกค้า หลังจากที่พบว่าการค้าเป็นงานมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นหลายราย ทำให้กิจการดีเอชแอลมีผลขาดทุนกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ จนต้องเลิกจ้างคนงานกว่า 600 คน

การประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจด้วยการปิดช่องทางให้บริการทางบกและทางอากาศถึง 85 จุด ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะเท่ากับศักยภาพทางธุรกิจถึง 25% ของทั้งหมดทีเดียว

ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวออกมาเมื่อไม่นานมานี้ว่า ดีเอชแอลอาจจะยอมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทอื่นๆ ในการนบริหารตลาดรายย่อยในสหรัฐฯ ต่อไป

อย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็มีกระแสข่าวออกมาว่าดีเอชแอลอยากจะจับมือกับยูพีเอสในการช่วยขนพัสดุภัณฑ์ทางอากาศ เป็นการจับมือที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้สำหรับกิจการ 2 กิจการที่เคยมีเรื่องราวฟ้องร้องถึงขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาแล้ว

แต่ถ้ามองในเชิงธุรกิจ การร่วมมือกันทางธุรกิจครั้งนี้ก็ไม่น่าจะเหนือความคาดหมายเพราะยูพีเอสจะมีรายได้เพิ่มมหาศาลจากการช่วยลดต้นทุนการขนส่งแก่ดีเอชแอลในครั้งนี้

สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญยังคงลังเลกับปรากฎการณ์ใหม่ของความร่วมมือกันทางธุรกิจ และดำเนินงานทางการตลาดครั้งนี้ เพราะยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าการจับมือกันจะเป็นเพียงความพยายามในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจชั่วคราวหรือว่าเป็นการเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจในระยะราว

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ดอยซ์โพสต์บริษัทแม่ของดีเอชแอลรายงานว่าไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วลดลงไปกว่า 60% หลังจากลดขนาดของกิจการดีเอชแอลในสหรัฐฯ การปรับโครงสร้างทางธุรกิจที่ผ่านมามีผลเห็นได้ชัดว่าศักยภาพของเครือข่ายธุรกิจลดลงไปมากกว่า 30% ทีเดียว

นักวิเคราะห์บางคนวิเคราะห์สถานการณ์การปรับตัวทางธุรกิจของดีเอชแอลครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามครั้งใหม่ที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจของยูพีเอสและเฟดเอ็กซ์ ที่มีความสามารถในการส่งพัสดุภัณฑ์ไปทุกที่ที่ลูกค้าต้องการและครอบคลุมบริการทุกประเภทก็จริง แต่ดีเอชแอลกลับไม่สามารถทำกำไรได้สักที

เมื่อเป็นเช่นนี้การทำความตกลงเป็นพันธมิตรกันทางธุรกิจกับยูพีเอส จึงน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีกว่าเดิมสำหรับดีเอชแอล และการเลือกจับมือกับยูพีเอสแทนที่จะเป็นเฟดเอ็กซ์ อาจมาจากเงื่อนไขทางด้านราคาที่ยูพีเอสเสนออาจจะดีกว่า

เนื่องจากสัญญาความร่วมมือครั้งนี้มีอายุยาวถึง 10 ปี จึงมีความคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มรายได้รายปีของยูพีเอสคือ 1,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมขอบเขตของตลาดในสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก โดยทยอยเริ่มต้นดำเนินงานตามข้อตกลงได้ภายในปีนี้ แต่น่าจะดำเนินงานได้เต็มรูปแบบในครึ่งหลังของปีหน้า

สิ่งที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของความตกลงระหว่างกันในครั้งนี้คือ แต่ละบริษัทจะยังคงใช้แบรนด์ของแต่ละบริษัทในการดำเนินงานบริการขนส่งผลิตภัณฑ์ตามข้อตกลงครั้งนี้ และในช่วงที่ดำเนินงานจะเป็นการขนส่งพัสดุระหว่างท่าอากาศยานต่างๆ ในอเมริกาเหนือเท่านั้น ไม่ได้รวมไปถึงการขนส่งพัสดุภัณฑ์และเอกสารจนถึงมือลูกค้าแต่ละประการใด ซึ่งถ้ามองแนวทางความร่วมมือแบบนี้ให้ดีจะพบว่า ความตกลงครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ยูพีเอสก็เคยมีความตกลงทำนองนี้กับการไปรษณีย์มาแล้ว ทางดีเอชแอลจะยังทำหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าปลายทางของตนเอง เพียงแต่อาศัยอุปกรณ์และช่องทางการขนส่งระหว่างเมืองทางอากาศของยูพีเอสเท่านั้น

แม้ว่าจะมีความตกลงระหว่างแล้วก็ตาม การดำเนินธุรกิจของดีเอชแอลก็ยังคงต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่จะต้องปรับตัวทางธุรกิจเพื่อให้ได้โมเดลธุรกิจที่สร้างสรรค์ และเหมาะสมที่จะช่วยเพิ่มผลิตภาพของการขนส่งลอจิสติกส์ ต้นทุนการขนส่งและสะสางที่บรรจุ และต้องคงความสามารถในการแข่งขันในระดับที่ไม่ต่ำไปกว่าเดิมด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us