Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2532
ทิม แมคเคนนา "ยังไม่มีบริษัทไหนวิเคราะห์หุ้นได้สมบูรณ์ที่สุด"             
 


   
search resources

เจ.เอฟ.ธนาคม
ทิม แมคเคนนา
Stock Exchange




หน่วยงานวิจัยและวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นงานสำคัญถึงขนาดกล่าวได้ว่าเป็นหัวใจของบริษัทหลักทรัพย์เลยทีเดียว ก็ว่าได้มีหน่วยงานวิจัยที่ค่อนข้างสมบูรณ์ก็คือว่า มีข้อได้เปรียบในการให้บริการลูกค้าไปกว่าครึ่งค่อนแล้ว โดยเฉพาะหารมีลูกค้าชาวต่างชาติจำนวนมากแล้วละก็หน่วยงานนี้จะยิ่งทวีความสำคัญและเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งทีเดียว

ในบรรดาบริษัทหลักทรัพย์ที่มีลูกค้าชาวต่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมากนั้น เจ.เอฟ.ธนาคารก็เป็นบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งที่มีลูกค้าชาวต่างชาติมากถึง 75 % โดยแบ่งออกเป็นชาวยุโรป ประมาณ 40 % ซึ่งส่วนมากเป็นชาวอังกฤษ จากสหรัฐฯ 20 % และอีก 40 %ที่เหลือเป็นชาวเอเชีย โดยเป็นชาวฮ่องกง โตเกียวและสิงคโปร์ ลูกค้าเหล่านี้ก็ส่งผ่านมาจากเครือข่ายของบริษัทจาร์ดีนเฟลมมิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเจ.เอฟ.ธนาคมนั่นเอง

หน่วยงานวิจัยฯของเจ.เอฟ.ธนาคมอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของทิม แมคเคนนา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์หลักทรัพย์ของจาร์ดีนเฟลมมิ่งในฮ่องกง ซึ่งเข้ามาร่วมงานกับเจ.เอฟ.ตั้งแต่แรกตั้งบริษัทเมื่อปลายปี 2531

ทิมเป็นชาวสหรัฐฯจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนนีย เขาอยากจะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย แต่กลับต้องไปเป็นทหารตามโปรแกรมอาร์ทีซี (RESERVE TRAINING OFFICER COURSE) 3 ปี โดยทำหน้าที่ทางด้านข้อมูลสื่อสาร เขาเดินทางไปทั่วทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลางและยุโรป หลังออกจากการเป็นทหารแล้วเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะเข้าโรงเรียกฎหมาย และเดินทางมายังฮ่องกงเพื่อร่วมงานกับบริษัทจาร์ดีน เฟลมมิ่งเมื่อปี 2529

ทิมรับผิดชอบดูแลข้อมูลข่าวสารการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาด 2 แห่งคือ มะนิลา และกรุงเทพฯ เขาได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ "วันจันทร์ทมิฬ" เมื่อ 19 ตุลาคม 2530 ซึ่งดัชนีหุ้นทั้งที่กรุงเทพฯและมะนิลาตกกราวรูดกว่า 50 % แต่ตลาดทั้งสองแห่งฟื้นตัวแล้ว โดยที่กรุงเทพฯนั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ดีกว่าฟิลิปปินส์อย่างมาก

เมื่อย้ายเข้ามาร่วมงานกับเจ.เอฟ. ทิมยังคงรับผิดชอบในการวิเคราะห์หุ้นและภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรรัพย์ฯเขาทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารของธุรกิจในไทย เขียนรายงานตลาดหุ้น วิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวและแต่ละประเภท ข้อมูลเหล่านี้จะตีพิมพ์เผยแพร่ต่อลูกค้าในรูปของจดหมายข่าว ออกเดือนละ 2 ฉบับเป็นภาษาอังกฤษ โดยส่วนหนึ่งจะส่งไปให้บริษัทแม่ในฮ่องกง เพื่อเผยแพร่ให้กับลูกค้าตามเครือข่ายของจาร์ดีน เฟลมมิ่งในทั่วโลก

ททิมกล่าวถึงการวิเคราะห์หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ในไทยว่าติดจะมีลักษณะอนุรักษ์ค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับตัวแททนของบริษัทค้าหลักทรัพย์ต่างชาติที่เข้ามาวิเคราะห์หุ้นให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติ ทิมเห็นว่าบริษัทเหล่านี้ค่อนข้างจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องการวิเคราะห์หลักทรัพย์ แม้แต่ในส่วนของเจ.เอฟ.ธนาคมที่เขารับผิดชอบอยู่นั้น เขายังต้องเก็บข้อมูลสัมภาษณ์พูดคุยกับบริษาทหลายแห่งที่จดทะเบียนในตลากหลักทรัพย์ฯด้วยตัวเอง

หน่วยวิเคราะห์ของทิมมีกำลังคนประมาณ 6 คนซึ่งในอนาคตคงต้องมีการขยายเพิ่มขึ้นเป็นแน่เพราะนอกจากจะรับผิดชอบการวิเคราะห์หุ้นดูสภาพตลาดแล้ว เขายังได้รับผิดชอบงานด้านการรับประกันและจัดจำหน่ายหุ้น อันเป็นตลาดที่มีอนาคตการขยายตัวเติบโตได้อีกมาก และงานด้านนี้ก็ต้องอาศัยฐานข้อมูลและการสนับสนุนจากหน่วยวิเคราะห์หุ้น

หุ้นตัวแรกที่เจ.เอฟ.ธนาคมรับประกันและจัดจำหน่ายคือโรงแรมโอเรียนเต็ล โดยขายให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งหุ้นของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน เป็นผู้ร่วมรับประกันและจัดจำหน่ายหุ้นเอสแอนด์พีด้วย

นอกจากนนี้ในบรรดาบริษัทวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยกันโดยเฉพาะบริษัทที่ทำข้อมูลการวิเคราะห์เพื่อสนองความต้องการของลูกค้ายชาวต่างชาติ ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่แห่งซึ่งมือวิเคราะห์เหล่านี้ก็ล้วนแต่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั้น เขากล่าวว่ายังไม่มีบริษัทไหนวิเคราะห์หุ้นได้ดีที่สุด แต่ละบริษัทย่อมเห็นว่าข้อวิเคราะห์ของตนใช้ได้

อย่างไรก็ดี การดูว่าข้อวิเคราะห์ของใครสมบูรณ์ที่สุดนั้น คงต้องดูจากหลายปัจจัยประกอบ และไม่แน่ว่าจะสามารถตัดสินได้ด้วยว่าอันไหนดีกว่าอันไหน เพราะหากเป็นลูกค้าประเภทเก็งกำไรย่อมต้องการข่าวและวิเคราะห์เชิงเทคนิคขณะที่นักลงทุนชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นประเภทลงทุนระยะยาว คือ 1 ปีขึ้นไป พวกเขาย่อมต้องการข้อมูลพื้นฐานและข้อวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน

ในฐานะที่เป็นนักวิเคราะห์หุ้น ทิมได้ให้ความเห็นกว้าง ๆ เกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ไทยว่าเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนชาวต่างชาติมากเมื่อเทียบกับตลาดในเกาหลีและไต้หวัน ซึ่งยังไม่เปิดให้กับการลงทุนของชาวต่างชาติมากเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยก็ยังจัดอยู่อันดับ 4 รองจากฮ่องกง สิงคโปร์และมาเลเซีย

ทิมกล่าวถึงผลกระทบจากวิกฤติการณ์ในจีนซึ่งเป็นการบ้านที่เขาได้ทำไว้ก่อนจะเดินทางไปพักร้อนที่เพนซิลวาเนียบ้านเกิดว่าในแง่ทั่ว ๆ ไปนั้น เขาคิดว่าเป็นเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในจีนนั้นจะมีผลกระทบในแง่บวกอย่างมากมายมหาศาลต่อไทย

สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดคือ คงจะมีการเพิ่มปริมาณการลงทุนโดยตรงของชาวต่างชาติมากขึ้น มีการสั่งซื้อสินค้าบางประเภทเช่น สิ่งทอและเสื้อผ้าเพิ่มมากขึ้นแทนที่จากเดิมที่เคยสั่งซื้อจากจีนและต้องประสบปัญหาความล่าช้าทางด้านการผลิตการขนส่งและการจ่ายเงิน

อย่างไรก็ตาม ข้อคาดหมายเหล่านี้ยังไม่เป็นจริงในเบื้องต้นคงต้องรอให้เหตุการณ์ต่างๆคลี่คลายสงบลงอีกระยะหนึ่งก่อน แม้กระทั่งในตลาดหุ้นเองนั้น ก็เริ่มมีความเชื่อทั่วไปประการหนึ่งว่าจะมีเงินทุนจำนวนหนึ่งโยกย้าายจากฮ่องกง ซึ่งได้รับผลกระทบด้านลบอย่างนักและทันท่วงทีจากเหตุการณ์ในจีน เข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย แต่จนแล้วจนรอดเงินทุนจำนวนนั้นก็ยังไม่เข้ามา ทว่าความเชื่อและความจริงที่มีอยู่ก็มีผลทำให้ราคาหุ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหววูบวาบอยู่ไม่น้อย

ผลกระทบอีกข้อหนึ่งอันเป็นข้อวิเคราะห์ที่ค่อนข้างจะสอดคล้องกับนักวิเคราะห์อีกหลายคนคือ การแก้ปัญหาอินโดจีนที่จวนเจียนจะบรรลุในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้คงต้องล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะคงจะต้องมีการรีรอดูท่าทีของจีนระยะหนึ่งก่อน จีนจะเอาอย่างไรต่อปัญหาเรื่องนี้ในฐานะที่จีนเป็นตัวแปร ที่มีบทบาทสำคัญมากผู้หนึ่งในการแก้ไขปัญหา

ในส่วนของเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อนำหุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น เจ.เอฟ.ธนาคมก็เป็นบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งที่เสนอโครงการรับประกันและจัดจำหน่ายหุ้น แต่อย่างไรก็ดี ทิมยังเห็นว่าบรรดารัฐวิสาหกิจใหญ่ ๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบินไทย ไทยออยล์ และองค์การโทรศัพท์ฯ คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะผลักดันได้สำเร็จ เผลอ ๆ อาจจะไม่ใช่ในปีนี้ด้วยซ้ำ

ข้อวิเคราะห์เหล่านี้จะอธิบายแนวโน้มได้มากน้อยเพียงใดคงต้องรอดูกันต่อไป ทั้งนี้ ธุรกิจการวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังเป็นน้องใหม่ในวงการที่ต้องอาศัยเวลาเพื่อพัฒนาตนเองอีกมาก...กว่าจะไปถึงความสมบูรณ์ที่สุด!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us