Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 มิถุนายน 2551
คลังหวังQ4ตลาดหุ้นฟื้น-ต่างชาติยังเชื่อมั่นศก.ไทย             
 


   
search resources

Economics




คลังเผยอดีตผู้บริหารแบร์ เสตอร์น เชื่อประเทศแถบเอเชียจะเป็นผู้นำผลักดันเศรษฐกิจโลกเดินหน้าต่อไปแม้จะประสบปัญหาราคาน้ำมันและสินค้าเกษตรที่ขยับขึ้นสูงแต่เชื่อทุกประเทศแก้ไขได้ ระบุไตรมาส 4 หุ้นไทยน่าจะฟื้นตัวได้ ขณะที่ผู้บริหารเอชเอสบีซีเผยยังสนลงทุนหุ้นไทยเหตุราคาถูกเมื่อเทียบกับภูมิภาค ชี้แม้มีปัญหาการเมืองแต่นักลงทุนก็เคยชินกับสภาพนี้ถือเป็นเรื่องปกติของประเทศประชาธิปไตย

นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มกลยุทธ์และพัฒนาระบบการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า นายโจชัว ซัลดานฮา อดีตรองประธาน บริษัท แบร์ สเตอร์น เอเชีย จำกัด ได้ติดต่อเพื่อหารือสถานการณ์การลงทุนในประเทศไทยหลังจากที่บริษัทได้ถูก เจพี มอร์แกน ซื้อกิจการหลังประสบปัญหาทางการเงินจากวิกฤติปัญหาสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ ซับไพร์ม ของสหรัฐ โดยหลังจากที่เจพี มอร์แกนซื้อกิจการไปก็ได้ปลดผู้บริหารของแบร์ สเตอร์นออกไปหลายคน

ซึ่งนายโจชัวได้คาดการณ์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียว่าจะยังคงเป็นกลุ่มหลักที่ผลักดันเศรษฐกิจของโลกโดยรวมให้ขับเคลื่อนไปได้ แม้ว่าหลายประเทศในทุกภูมิภาคทั่วโลกจะประสบผลกระทบเป็นลูกโซ่จากปัญหาซับไพร์มก็ตาม และเชื่อว่าเศรษฐกิจของโลกโดยรวมจะตกลงถึงขีดต่ำสุดในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้และจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี

“แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากซับไพร์มแต่ในระยะหลังเศรษฐกิจของโลกไม่ได้พึ่งพาการเติบโตของสหรัฐแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต แต่การขยายตัวของโลกได้หันมาพึงพาเศรษฐกิจของจีนและประเทศตลาดเกิดใหม่ทั้ง อินเดีย รัสเซียและบราซิล และการล้มของสถาบันการเงินระดับโลกอย่างแบร์ สเตอร์นก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอนในระยะเวลาอันใกล้นี้”

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำหรับเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียนั้นอดีตผู้บริหารแบร์ สเตอร์นให้ความเห็นว่า จะยังคงเป็นปัจจัยหลักเช่นเดียวกันกับทั่วโลกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูงถือเป็นสิ่งที่ท้าทายประเทศในภูมิภาคนี้ แต่เชื่อว่าประเทศในแถบนี้จะต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้และเชื่อว่าจะทำได้อย่างแน่นอน

ด้านมุมมองต่อการลงทุนในประเทศไทยนั้นยังถือว่าราคาหุ้นของไทยยังมีราคาที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานอยู่มาก แม้ว่าความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้จะลดลงและดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยจะลดลงต่ำกว่า 800 จุดแต่เชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะกลับมาอีกครั้งในไตรามาสที่ 4 ซึ่งจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว

ในขณะที่นายแกร์รี่ อีวาน ผู้วางยุทธศาสตร์การลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ คอร์ปอเรชั่น ประจำเกาะฮ่องกง ให้มุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นจังหวะการเข้าออกเป็นเรื่องที่สำคัญมากเนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูงและเปราะบางต่อข่าวต่างๆ ที่เข้ามากระทบมาก

แต่อย่างไรก็ตามยังให้ความเห็นว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจลงทุนมากกว่าตลาดในภูมิภาค ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซียและสิงคโปร์ เพราะดัชนีหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ต่ำมาหลายปีแล้ว แม้ว่าการเมืองไทยจะมรการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล การประท้วง ชุมนุมของกลุ่มการเมืองต่างๆ ก็ไม่เคยเกิดเหตุร้ายแรงและถือเป็นเรื่องปกติของประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย

“แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยจะสะดุดไปบ้างแต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นไทยเป็นความเชื่อมั่นที่หวือหวามากจึงทำให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นเร็วลงเร็ว และนักลงทุนที่ลงทุนในไทยก็ชินกับสภาพตลาดที่เป็นอยู่ในขณะนี้อยู่แล้ว”

สำหรับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดในประเทศเวียดนามนั้นผู้บริหารจากเอชเอสบีซีให้ความเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะจุดจุดหนึ่งหรือเฉพาะที่เท่านั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยต่อเศรษฐกิจโดยรวมในภูมิภาคแต่อย่างใด เนื่องจากเศรษฐกิจของเวียดนามยังเล็กมาก.   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us