Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มิถุนายน 2551
ฟิทช์คงอันดับเครดิต'BBL-TMB'             
 


   
www resources

โฮมเพจ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)

   
search resources

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย), บจก.
Commercial and business
Investment




รายงานข่าวจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating (IDR)) ของธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่ "BBB+" แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ "F2" อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ "C" อันดับเครดิตสนับสนุนที่ "2" อันดับเครดิตสากลของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ "BBB" และอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (Support Rating Floor) ที่ "BBB-" อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวของ BBL ที่ "AA(tha)" แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ "F1+(tha)" และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ "AA-(tha)"

อันดับเครดิตของ BBL สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร ที่ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงสถานะเงินกองทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของ BBL ธนาคารยังได้ผลประโยชน์จากตลาดในระดับภูมิภาคที่มีสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่า โดยธนาคารมีสินเชื่อในต่างประเทศอยู่ที่ 17% ของสินเชื่อรวม การลดลงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต รวมถึงความ สามารถในการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและคงที่จะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของธนาคารในอนาคต การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและกลยุทธ์น่าจะช่วยให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นได้ เมื่อพิจารณาถึงขนาดของ BBL และความสำคัญที่มีต่อภาคการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลถ้าจำเป็น

อนึ่ง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมของ BBL อยู่ที่ 11.4% และ 14.4% ของสินทรัพย์เสี่ยง ตามลำดับ อัตราส่วนเงินกองทุนน่าจะปรับตัวลดลงประมาณ 1% ถึง 2% ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ Basel II ณ สิ้นปี 2551

นอกจากนี้ ยังประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)(TMB) โดยอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ "BBB-" แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น "F3" อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน "C/D" อันดับเครดิตสนับสนุน "3" อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ "BB+" อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน (Hybrid Tier 1) "BB-" อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (Support Rating Floor) "BB" อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Ratings) "A+(tha)" แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น "F1(tha)" อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ "A(tha)"

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2551 TMB มีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 220 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2550 สำหรับกำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกเกิดจากการลดลงของค่าใช้จ่าย จากการขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ และขาดทุนจากประมาณการหนี้สินจากการโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ สำหรับในปี 2551 นี้ คาดว่าในช่วงแรกของการปรับปรุงและควบรวมระบบงานกับ ING Bank NV หรือ ING (AA/F1+) และสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอ จะเป็นปัจจัยหลักที่จะจำกัดการขยายตัวของสินเชื่อและผลประกอบการของธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารจะสามารถกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 2551 และสามารถเริ่มจ่ายดอกเบี้ยของตราสารหนี้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน (Hybrid Tier 1) ที่จะครบกำหนดในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากที่ได้งดจ่ายดอกเบี้ยในเดือน มิถุนายน และ ธันวาคม 2550 ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารยังคงอยู่ในระดับสูง ที่ 74.2 พันล้านบาท หรือ 15.1% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2551   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us