Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มิถุนายน 2551
ลุ้นศก.-สต็อกน้ำมันUS หุ้นไทยซึมมูลค่าต่ำสุดรอบ2เดือน             
 


   
search resources

วิริยา ลาภพรหมรัตน
Stock Exchange




นักลงทุนชะลอการลงทุนรอลุ้นตัวเลขเศรษฐกิจและปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ กดดันวอลุ่มต่ำสุดในรอบ 2 เดือน โดยนักลงทุนต่างชาติยังทิ้งหุ้นต่ออีก 1.1 พันล้านบาท ขณะที่เกณฑ์หุ้นเทิร์นโอเวอร์ลีส ที่จะเริ่มใช้ต้นเดือนหน้าเป็นปัจจัยลบอันใหม่ที่หลอนนักลงทุน ด้าน "ไทยยูนีคคอยล์" โดยพักการซื้อขายอัตโนมัติ หลังมีแรงขายหุ้นออกมาเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ จนทำให้ราคาหุ้นดิ่งติดฟลอร์ 2 วันติด

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11 มิ.ย.) ดัชนีผันผวนตลอดวันทั้งแดนบวก-ลบ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนยังตั้งท่ารอดูความชัดเจนการประกาศสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และส่งผลต่อเนื่องทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย

โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 795.54 ล้านบาท ต่ำสุดที่ 786.89 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 791.66 จุด ลดลงจากวันก่อน 0.28 จุด หรือลดลง 0.04% มูลค่าการซื้อขาย 13,234.16 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,111.18 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 303.98 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 807.20 ล้านบาท

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทิศทางปรับตัวลดลงแต่ไม่มากเป็นลักษณะการพักฐาน ทั้งนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงติดต่อเป็นสัปดาห์ที่ 3 จากปัจจัยลบเดิมๆ ที่ยังคงกดดันทั้งเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันสูง ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว

สำหรับการที่ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นภูมิภาคมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนรอข้อมูลเกี่ยวกับการประกาศตัวเลขน้ำมันสำรอง (สต็อกน้ำมัน) ที่จะมีผลต่อราคาน้ำมัน ซึ่งจากการคาดการณ์ของรอยเตอร์คาดว่าสต็อกน้ำมันจะลดลงประมาณ 1.1 ล้านบาร์เรล ดังนั้นหากสต็อกน้ำมันออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไป

ในทางตรงกันข้าม หากสต็อกน้ำมันผลออกมาดีกว่าที่คาดไว้ จะทำให้ราคาน้ำมันทรงตัวหรืออาจปรับตัวลดลงได้ ซึ่งจะต้องติดตามปริมาณสำรองน้ำมันและการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

"อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะมีผลกระทบต่อการลงทุน การเติบโตเศรษฐกิจ ทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยวันนี้เบาบาง รวมถึงมาตรการการกำกับดูแลหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายหมุนเวียนสูง (เทิร์นโอเวอร์ลิสต์) ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำมาใช้ต้นเดือนก.ค.นี้ ทำให้หุ้นที่มีลักษณะการเก็งกำไรปรับตัวลดลง บวกกับมีการบังคับขายหุ้นออกมา (ฟอร์ซเซลล์) ด้วย"

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่ าดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้มีความผันผวนสลับแดนบวกและลบ โดยเมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มีการขายทำกำไรออกมาบ้าง ซึ่งช่วงปิดตลาดดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงไม่มากนัก แสดงให้เห็นว่าดัชนีเริ่มที่จะทรงตัวได้ ซึ่งจากการที่มูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวลดลงเนื่องจาก นักลงทุนชะลอการลงทุนอยู่นอกตลาด จากไม่มีปัจจัยบวกที่เข้ามากระตุ้นการลงทุน

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยังคงได้รับปัจจัยลบเดิม คือ อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ปัจจัยการเมืองภายในประเทศ แต่เชื่อว่าแรงขายที่เกิดจากการฟอร์ซเซลล์ มีไม่มากนักในวานนี้ ซึ่งหุ้นบางบริษัทก็ยังคงปรับตัวลดลงต่ำติดฟลอร์

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะแกว่งตัวลดลงได้ต่อ ซึ่งขณะนี้บริษัทแนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนก่อน เพื่อรอดูความชัดเจนเรื่องทิศทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ ทำให้คาดเดาทิศทางตลาดหุ้นได้ยาก โดยคาดว่าแนวรับอยู่ที่ระดับ 766-787 จุด แนวต้านที่ระดับ 812 จุด ซึ่งหากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 812 จุดนักลงทุนควรที่จะขายทำกำไรออกมาก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us