|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้ประกอบการไทย ยืนยันเข้าลงทุนในเวียดนามตามแผนเดิม แม้ค่าเงินด่องอ่อนตัว มั่นใจไม่กระทบกับภาพรวมการดำเนินงานธุรกิจ ส่วนโบรกเกอร์เชื่อลูกค้าเข้าใจภาวะการลงทุน ชี้นักลงทุนระยะยาวไม่มีปัญหา แต่หากดัชนีหุ้นญวนถอยไปถึง 100 จุด ก็น่าเข้าไปช้อนเก็บ
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (ASP) กล่าวถึงสภาพวะเศรษฐกิจของเวียดนาม ภายหลังจากที่ธนาคารกลางเวียดนามจะประกาศลดค่าเงินด่องลงเกือบ 2% และขึ้นดอกเบี้ยระดับ 12% เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อไม่ให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นว่า หากตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงกลับไปที่ 100-200 จุด จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าจุดแล้วจะมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปเก็บหุ้นที่มีโอกาสในการเติบโต แต่จากการหารือผู้บริหารกองทุนในเวียดนาม 2-3 แห่ง มีความเห็นตรงกันว่าในขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ดี ทางบริษัทจึงชะลอการลงทุนในเวียดนามไปก่อน
"การเข้าไปลงทุนในเวียดนามของเราจะเป็นไปในลักษณะให้กองทุนเป็นผู้ดูแล โดยจะไม่เลือกหุ้นเอง เพราะต้องยอมรับว่า ในแต่ละประเทศผู้ที่ประกอบการในที่นั้นย่อมมีความสามารถและรู้จักธุรกิจได้ดีกว่า"
ปัจจุบันการลงทุนของบริษัทกระจายตลาดทั้งตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก ยุโรป เพื่อกระจายความเสี่ยง ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้นมองว่ายังน่าลงทุน เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี
นายภูษิต แก้วมงคลศรี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ KEST กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าแผนการเข้าไปทำธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศเวียดนามต่อไป แม้ค่าเงินด่องจะอ่อนตัวลง และตลาดหุ้นเวียดนามที่ปรับตัวลงหนัก แต่นักลงทุนของบริษัทที่ชักชวนเข้าไปลงทุนนั้น เป็นนักลงทุนประเภทลงทุนระยะยาวโดยมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 3-4 ปี ซึ่งตอนนี้บริษัทฯมีลูกค้ากว่า 10 รายได้ที่เป็นรายใหญ่ ๆ และเข้าใจการลงทุนเป็นอย่างดี
"ตลาดหุ้นเวียดนามตอนนี้ปรับตัวลงหนักมาเหลือ 300 จุด และมองว่าอาจจะลงไปถึงระดับ 100 จุด จากอ่อนค่าลงของเงินด่อง ดังนั้นหากเข้าไปลงทุนตอนนี้นักลงทุนอาจจะต้องยอมรับผลขาดทุนตามภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงเรื่อย ๆ"
นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกดั (มหาชน) (PRANDA)กล่าวว่า ภาวะค่าเงินด่องของเวียดนามขณะนี้ ไม่ได้กระทบกับบริษัทแต่อย่างใด แม้จะมีฐานการผลิตในเวียดนาม เพราะส่วนใหญ่กว่า 95% จะส่งออกมายังไทย และบางส่วนไปสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยเหลือสัดส่วนการขายในตลาดเวียดนามเพียง 5% ขณะเดียวกันบริษัทจะชะลอแผนการเพิ่มตลาดในเวียดนามออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน
"ปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 8% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลดตัว แต่เชื่อว่ายอดขายบริษัทจะไม่กระทบ เนื่องจากสินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าเครื่องประดับที่มีราคาไม่สูงมากนัก อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงแผนการขยายตลาดในจีนและอินเดียที่ยังมีศักยภาพเติบโตต่อไป โดยการขยายร้าน ขยายเฟรนไชส์ ตามเมืองใหญ่ต่างๆ"นางสุนันทา กล่าว
ด้าน นายชนะชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการและ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) (EMC) กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้ารับงานใหม่ในเวียดนาม โดยเป็นงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม ระยะเวลา 1 ปีครึ่ง คาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาส 2/51 แต่การรับงานในครั้งนี้เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินด่องอ่อนค่าลงวแต่อย่าใด เพราะค่าจ้างที่รับเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ มูลค่ากว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ EMC เชื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับเวียดนามในขณะนี้ จะไม่กระทบกับภาพรวมการขยายธุรกิจเข้าไปรับงานในเวียดนาม เพราะเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะไม่ถอนการลงทุนไปจากเวียดนาม โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปทำธุรกิจแก๊สในเวียดนามต่อไป และคาดว่าจะทำธุรกิจแก๊สในเวียดนามได้เต็มตัวในช่วงปลายปีนี้ เพราะขณะนี้ บริษัทได้เดินหน้าแผนงานดังกล่าวไปมากแล้ว ซึ่งจะใช้งบลงทุนในช่วงแรกประมาณ 50-100 ล้านบาทเศษ
สำหรับ บริษัทสยามแก๊ส มีโครงการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซ LPG และโรงบรรจุก๊าซ LPG ในประเทศเวียดนามซึ่งในเบื้องต้นบริษัทจะจัดหาที่ดินเพื่อดำเนินการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซและ โรงบรรจุก๊าซพร้อมสำนักงานในพื้นที่เดียวกัน จำนวน 1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 400 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงการดำเนินงานของ บริษัท วันทูวัน เวียดนาม จำกัด ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาสำนักงานในเวียดนาม และจะเปิดดำเนินการเร็วๆนี้ และเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในเวียดนาม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีลูกค้ารอใช้บริการอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่เวียดนามอาจจะเลื่อนการเปิดซองประมูลโรงไฟฟ้าออกไป หลังจากเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนักถึงขั้นต้องลดค่าเงินและขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้ บริษัทผลิตไฟฟ้าได้เข้ายื่นซองประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหิน IPP ในเวียดนาม โครงการ NGHI SON ขนาด 1.6 พันเมกะวัตต์ แบ่งเป็น 2 โรงๆละ 800 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 2 พันเหรียญสหรัฐ มีกำหนดเปิดซองประมูลในเดือนกันยายนนี้ โดยตามกำหนดการปลายปีนี้จะทราบผลการประกวดราคาในโครงการดังกล่าว
|
|
|
|
|