Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มิถุนายน 2551
นักธุรกิจไทยไม่หวั่นศก.เวียดนาม ประกาศเดินหน้าตามแผนงานเดิม             
 


   
search resources

สุนันทา เตียสุวรรณ์
Investment




ผู้ประกอบการไทย ยืนยันเข้าลงทุนในเวียดนามตามแผนเดิม แม้ค่าเงินด่องอ่อนตัว มั่นใจไม่กระทบกับภาพรวมการดำเนินงานธุรกิจ ส่วนโบรกเกอร์เชื่อลูกค้าเข้าใจภาวะการลงทุน ชี้นักลงทุนระยะยาวไม่มีปัญหา แต่หากดัชนีหุ้นญวนถอยไปถึง 100 จุด ก็น่าเข้าไปช้อนเก็บ

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (ASP) กล่าวถึงสภาพวะเศรษฐกิจของเวียดนาม ภายหลังจากที่ธนาคารกลางเวียดนามจะประกาศลดค่าเงินด่องลงเกือบ 2% และขึ้นดอกเบี้ยระดับ 12% เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อไม่ให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นว่า หากตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงกลับไปที่ 100-200 จุด จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าจุดแล้วจะมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปเก็บหุ้นที่มีโอกาสในการเติบโต แต่จากการหารือผู้บริหารกองทุนในเวียดนาม 2-3 แห่ง มีความเห็นตรงกันว่าในขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ดี ทางบริษัทจึงชะลอการลงทุนในเวียดนามไปก่อน

"การเข้าไปลงทุนในเวียดนามของเราจะเป็นไปในลักษณะให้กองทุนเป็นผู้ดูแล โดยจะไม่เลือกหุ้นเอง เพราะต้องยอมรับว่า ในแต่ละประเทศผู้ที่ประกอบการในที่นั้นย่อมมีความสามารถและรู้จักธุรกิจได้ดีกว่า"

ปัจจุบันการลงทุนของบริษัทกระจายตลาดทั้งตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก ยุโรป เพื่อกระจายความเสี่ยง ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้นมองว่ายังน่าลงทุน เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี

นายภูษิต แก้วมงคลศรี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ KEST กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าแผนการเข้าไปทำธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศเวียดนามต่อไป แม้ค่าเงินด่องจะอ่อนตัวลง และตลาดหุ้นเวียดนามที่ปรับตัวลงหนัก แต่นักลงทุนของบริษัทที่ชักชวนเข้าไปลงทุนนั้น เป็นนักลงทุนประเภทลงทุนระยะยาวโดยมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 3-4 ปี ซึ่งตอนนี้บริษัทฯมีลูกค้ากว่า 10 รายได้ที่เป็นรายใหญ่ ๆ และเข้าใจการลงทุนเป็นอย่างดี

"ตลาดหุ้นเวียดนามตอนนี้ปรับตัวลงหนักมาเหลือ 300 จุด และมองว่าอาจจะลงไปถึงระดับ 100 จุด จากอ่อนค่าลงของเงินด่อง ดังนั้นหากเข้าไปลงทุนตอนนี้นักลงทุนอาจจะต้องยอมรับผลขาดทุนตามภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงเรื่อย ๆ"

นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกดั (มหาชน) (PRANDA)กล่าวว่า ภาวะค่าเงินด่องของเวียดนามขณะนี้ ไม่ได้กระทบกับบริษัทแต่อย่างใด แม้จะมีฐานการผลิตในเวียดนาม เพราะส่วนใหญ่กว่า 95% จะส่งออกมายังไทย และบางส่วนไปสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยเหลือสัดส่วนการขายในตลาดเวียดนามเพียง 5% ขณะเดียวกันบริษัทจะชะลอแผนการเพิ่มตลาดในเวียดนามออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน

"ปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 8% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลดตัว แต่เชื่อว่ายอดขายบริษัทจะไม่กระทบ เนื่องจากสินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าเครื่องประดับที่มีราคาไม่สูงมากนัก อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงแผนการขยายตลาดในจีนและอินเดียที่ยังมีศักยภาพเติบโตต่อไป โดยการขยายร้าน ขยายเฟรนไชส์ ตามเมืองใหญ่ต่างๆ"นางสุนันทา กล่าว

ด้าน นายชนะชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการและ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) (EMC) กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้ารับงานใหม่ในเวียดนาม โดยเป็นงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม ระยะเวลา 1 ปีครึ่ง คาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาส 2/51 แต่การรับงานในครั้งนี้เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินด่องอ่อนค่าลงวแต่อย่าใด เพราะค่าจ้างที่รับเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ มูลค่ากว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1 พันล้านบาท

ทั้งนี้ EMC เชื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับเวียดนามในขณะนี้ จะไม่กระทบกับภาพรวมการขยายธุรกิจเข้าไปรับงานในเวียดนาม เพราะเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะไม่ถอนการลงทุนไปจากเวียดนาม โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปทำธุรกิจแก๊สในเวียดนามต่อไป และคาดว่าจะทำธุรกิจแก๊สในเวียดนามได้เต็มตัวในช่วงปลายปีนี้ เพราะขณะนี้ บริษัทได้เดินหน้าแผนงานดังกล่าวไปมากแล้ว ซึ่งจะใช้งบลงทุนในช่วงแรกประมาณ 50-100 ล้านบาทเศษ

สำหรับ บริษัทสยามแก๊ส มีโครงการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซ LPG และโรงบรรจุก๊าซ LPG ในประเทศเวียดนามซึ่งในเบื้องต้นบริษัทจะจัดหาที่ดินเพื่อดำเนินการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซและ โรงบรรจุก๊าซพร้อมสำนักงานในพื้นที่เดียวกัน จำนวน 1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 400 ล้านบาท

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงการดำเนินงานของ บริษัท วันทูวัน เวียดนาม จำกัด ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาสำนักงานในเวียดนาม และจะเปิดดำเนินการเร็วๆนี้ และเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในเวียดนาม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีลูกค้ารอใช้บริการอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่เวียดนามอาจจะเลื่อนการเปิดซองประมูลโรงไฟฟ้าออกไป หลังจากเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนักถึงขั้นต้องลดค่าเงินและขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้ บริษัทผลิตไฟฟ้าได้เข้ายื่นซองประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหิน IPP ในเวียดนาม โครงการ NGHI SON ขนาด 1.6 พันเมกะวัตต์ แบ่งเป็น 2 โรงๆละ 800 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 2 พันเหรียญสหรัฐ มีกำหนดเปิดซองประมูลในเดือนกันยายนนี้ โดยตามกำหนดการปลายปีนี้จะทราบผลการประกวดราคาในโครงการดังกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us