Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มิถุนายน 2551
กสิกรฯใช้กองพันธบัตรพักเงินเทรดหุ้นลูกค้า             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย

   
search resources

Funds
กสิกรไทย, บล.




2บริษัทลูกแบงก์รวงข้าว จับมือให้บริการK-Stock 2 Fund ซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนรวม ชูจุดเด่นเพิ่มผลตอบแทนทุกนาทีให้กับลูกค้า คาดจะมีผู้ใช้บริการถึง 23,00 บัญชีได้ไตรมาส 3 ของปีนี้ “วิวรรณ”ระบุบริการนี้จะสร้างประโยชน์ให้นักลงทุนมากกว่านำเงินไปพักในบัญชีออมทรัพย์ เนื่องจากกองทุนจะนำเงินไปลงทุนต่อในโปรดักต์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากแบงก์

นางสาว ณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ทำความร่วมมือกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ในการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติผ่านกองทุนกสิกรไทย หรือ K-Stock 2 Fund

สำหรับบริการนี้จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนของเงินลงทุนให้กับลูกค้าของบริษัท โดยเงินที่ได้จากการขายหลักทรัพย์จะถูกนำไปลงทุนอัตโนมัติในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำและมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร

นอกจากนี้เมื่อมีการซื้อหลักทรัพย์บริษัทจะทำการขายกองทุนเพื่อมาชำระค่าซื้อหลักทรัพย์โดยอัตโนมัติ ซึ่งผลตอบแทนที่ลูกค้าได้รับก็ไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย โดยบริการนี้จึงถือเป็นการสร้าง Value Added ในการเพิ่มผลตอบแทนให้กับลูกค้า เพราะการขายหลักทรัพย์แล้วนำเงินไปเข้ากองทุนก็จะเป็นแบบอัตโนมัติ

“ลูกค้าจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นระหว่างที่รอการซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน ของกองทุนอยู่ที่ 2.65% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ 0.75% และนอกจากนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มแล้ว การให้บริการนี้ ลูกค้ายังสามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งการทำรายการโดยให้นำเงินค่าขายหลักทรัพย์แต่ละรายการไปเข้าบัญชีออมทรัพย์ปกติได้อีกด้วย “นางสาวณัฐรินทร์กล่าว

นางสาว ณัฐรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีลูกค้าแสดงความต้องการใช้บริการแล้วถึง 40 บัญชี และคาดว่าในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้น่าจะมีผู้ใช้บริการได้ถึง 2,300 บัญชี ส่วนนักลงทุนหรือลูกค้าใหม่ของบริษัทจะมีการแนะนำให้ใช้บริการนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนได้ประโยชน์ตลอดเวลาที่ลงทุน เพราะเงินที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ซึ่งนำเข้ามอยู่ในกองทุนนั้นจะคิดผลตอบแทนให้ทุกวัน

ทั้งนี้ บริการซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติผ่านกองทุนกสิกรไทย หรือ K-Stock 2 Fund จะให้บริการกับนักลงทุนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัครและการใช้บริการแต่อย่างใด ทั้งยังสะดวกสบายและมีความคล่องตัวสอดคล้องกับแนวคิดชีวิตเอกเขนกของเครือธนาคารกสิกรไทย โดยบริษัทยังคงยึดหลักการทำธุรกิจอย่างแตกต่างบนมาตรฐานเครือธนาคารกสิกรไทยในทุกๆ โปรดักต์

อย่างไรก็ตาม การให้บริการเชื่อมโยงกับกองทุนคงจะใช้กับแค่บริษัทในเครือ ธนาคารกสิกรไทยก่อน เนื่องจากเป็นนโยบายที่ต้องการสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในเครือ

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวถึง การร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทยในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากบริการนี้เป็นอย่างมาก และจะได้ผลตอบแทนมากกว่าในการพักเงินลงทุนในบัญชีออมทรัพย์

สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-Treasury) ที่บริษัทนำมาพักเงินจากการขายหลักทรัพย์ของนักลงทุน จะเป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องสูง และมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากลงทุนในตั๋วเงินคลัง และพันธบัตรรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจถึงร้อยละ 95.79 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน

โดยกองทุนนี้มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.65% และ6 เดือนย้อนหลังอยู่ที่ 2.73% ส่วน 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 2.70% ขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ประมาณ 9.97% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่อ้างอิงจากผลตอบแทนเงินฝากประจำ 1 ปี นอกจากนี้กองทุนยังไม่เสียค่าธรรมเนียมขาเข้า และขาออกอีกด้วย

“กองทุนนี้มีสภาพคล่องสูงคือระยะเวลาไถ่ถอนหน่วยลงทุนจะเป็น T+1 และก็มีความเสี่ยงต่ำมาก เพราะลงทุนในตราสารภาครัฐ ซึ่งถ้ารัฐเก็บภาษีไม่ได้ถึงจะไม่มีเงินจ่าย แต่ตามสมมุติฐานแล้วในความจริงรัฐต้องเก็บภาษีได้อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทำให้จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้นด้วยจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น”นางวิวรรณกล่าว

นางวิวรรณ กล่าวอีกว่า กองทุน K-Treasury ในปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ สูงถึง 75,017.72 ล้านบาท และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกจาการให้บริการส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม หากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิมีขนาดเพิ่มมากขึ้นถึง 1 แสนล้านบาท ทางบริษัทอาจจะไม่ขยายกองทุนเพิ่มเติม เนื่องจากมองว่า กองทุนที่มีขนาดใหญ่มากเกินไปจะทำให้บริหารจัดการได้ไม่ดี ซึ่งอาจจะมีการตั้งกองทุนใหม่เพื่อรองรับบริการนี้ หรือจะใช้กองทุนมันนี่มาร์เก็ต อย่าง K-Money ซึ่งมีผลตอบแทนใกล้เคียงกันเป็นตัวเลือกแทน

“คิดว่าหากมีบริการนี้ขนาดกองทุนคงเพิ่มขึ้น แต่ถ้าถึง 1 แสนล้านคงจะไม่ขยายเพิ่มแล้ว เพราะมันจะดูแลลำบาก และคงต้องหากองอื่นเข้ามาแทน ซึ่งเรามีกอง K-Money ที่มีผลตอบแทนใกล้เคียงกัน แตกต่างกันเพียงว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนด้วย แต่ก็เป็นส่วนน้อย อีกทั้งเรตติ้งที่ลงจะมีอยู่ในระดับสูงอีกด้วย”นางวิวรรณกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us